จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วีระกรรมของคนไทยที่ถูกลืม..

              วันนี้ เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่าทำไมผมมาแปลกๆ แต่มันก็อดไม่ได้ในยุคที่หลายๆสิ่งหลายๆอย่างโดยเฉพาะบ้านเมืองและแผ่นดินเราคงเพราะใกล้เลือกตั้งแล้วมั้ง

หลายๆคนอาจจะรู้จัก นักรบ 300 สปาร์ตัน จากภาพยนต์เรื่อง 300 แต่จะมีกี่คนที่รู้จัก กองอาทมาต 400 เป็นวีรกรรมที่คนไทยเราสักกี่คนจะรู้ เราจะรู้จักชาวบางระจันกัน แต่ในจะรู้จัก ขุนรองปลัดชู กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ เป็นครูดาบ ได้นำลูกศิษและนักรบ 400 นาย จัดตั้งเป็นกองอาทมาตอาสาไปกสัดทหารพม่า นับหมื่นนาย ที่ช่องสิงห์ขร กุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบันนี้  คนเพียง400 เล่นเอาทหารพม่านับหมื่นเสียกระบวนรบ จนเมื่ออาทมาตคนสุดท้ายสิ้นลมลง ต้องใช้เวลาพักพื้นหลายวัน 
              และวันนี้ได้ถูกสร้า้งเป็นภาพยนต์ที่มีฉายเพียง5รอบเท่านั้นถ้าใครจะจองบัตรตอนนี้ผมบอกได้แค่ว่าไม่ทันแล้วเพราะเต็มแน่นอน   ติดตามได้ที่ http://www.thaiunsunghero.com/

                              "เรื่องราวที่ถูกบันทึกมีความยาวเพียง 2 บรรทัดเท่านั้น"
มันเพียงพอแล้วหรือกับบรรพชนไทยเหล่านั้น ที่เห็นการเสียสละเพื่อแผ่นดินสำดัญกว่าชีวิตตัวเอง  เป็นคุณค่าที่พวกเรานั้นต้องเรียนรู้เพื่อเอาไปบอกต่อไม่ให้คนลืมเพราะนี้เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำและเข้าใจ
               กองอาทมาต คือ หมู่ทะลวงฟัง เป็นกองทหารนักรบไทยที่น่ากลัวที่สุดในสมัยโบราญ ถือดาบ สองมือ ใช้ดาบอย่างคล่องแคล้วว่องไว ต่างจากทหารธรรมดา และที่สำคัญไม่เคยกลัวตาย  อะไรทำให้คนไทยสมัยนั้น กล้าเผชิญหน้ากับกับชตากำสิ่งที่ทำไม่ต่างอะไรกับเดินไปสู่้ความตาย ทุกคนล้วนรู้แก่ใจว่ายังไงการเดินทางออกจากถิ่นฐานของตนครานี้ไปครั้งสุดท้ายในชีวิต 


ในยุดที่บ้านเมืองวุ่นวายโกลาหลเพราะความเห็นแก่ตัวของ ผู้มีอำนาจทั้งหลานคนดีกลายเป็น คนกลุ่มน้อยที่นับวันจะค่อยๆหายหน้าไป ทีละคน หาอมองประวัติสาสตร์ดีๆการที่สยามประเทศ เสียกรุงครั้งที่สองนั้นมาจากผู้นำอย่างเดียวหรือ แล้วปัจจัยอื่นๆละ เหมือนปลวกตัวเดียวไม่สามารถแทะบ้านให้พังได้หรอก มันก็คงไม่ต่างอะไรกับยุคนี้ เสาบ้านมันพุกร่อนมาจากภายในรอวันแค่ลมพัดมาเบาก็ล่มพังได้ในชั่วพริบตา 


หลายครั้งหลายหลที่นักรบไทยเราต่างเอาชีวิตเ้ขาแลกกับอนาคตของลูกหลานและแผ่นดินคนน้อยกว่านับร้อย สู้ตายจนคนสุดท้าย เพื่อผืนดินที่เขาเหล่านั้นยืนอยู่  คนเพียงหยิบมือสู้กับคนเรือนหมื่นแสน


เรื่องราวเกี่ยวกับ  ขุนรองปลัดชู 
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=301923
http://www.youtube.com/watch?v=OfIDXbG5yHM&feature=related
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=138161

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด. ภาค3 ภาคสนาม





     มาต่อกันดีกว่าครับ  ตั้งแต่ ปี 1 ถึง ปี5 ตอนปีหนึ่งไม่รู้ว่าผมโชคดี หรือโชคร้า้ยเพราะเป็นรุ่นทดลองเปลี่ยนจากเรียนรายสัปดาห์มาเข้าค่ายทีเดียว 12 วัน (เขาชนไก่ปี3 5วันเองน่ะ คิดเอาละกันว่าผมต้องพจญภัยกับอุปกรณ์ที่เหมือนจะใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งอย่าไร) แล้วปี2 ก็ดันเป็นปีมีงบเยอะ แต่ตอนนั้นเปลี่ยน รร.แล้ว ได้เข้าค่าย 3วัน ปี 3 5วัน ปี4 จำไม่ได้ 5-6 (ปี4จะเรียนตามหลักสูตรสงครามนอกแบบโหดครับใครผ่านปี4ไปได้ ปี5สบ๊ายๆ)วันนี้แหละ ส่วนปี5 7 วัน(มั้งทำไมกุจำมะำได้ว่ะ)

     การเข้าค่ายฝึกนี้ในปี3ปัจจุบันจะแยกกันไปตาม จทบ.ต่าง จะไม่มารวมกันที่เขาชนไก่ทั้งหมด การเข้าค่าย 5วันอาจจะดูนานไป แต่มันจะนานมากๆ เมื่ออุปกรณ์ของท่านมัน ชำรุด(เน่า) นั้นเอง หรือใช้งานไม่ได้อย่างที่มันควร...เมื่อเรียนจบ ปี3 ถ้าใครเรียนต่ออาจจะนำมาใช้อีกแต่สำหรับ อุปกรณ์ที่ใช้งานไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ(เฮ้อๆๆ อย่าเลย)ก็เปลี่ยนมันเถอะหรือถ้าไม่จำเป็นก็บริจากไปเถอะ เพราะปี4และปี5  อุปกรณ์มันจำเป็นจริงๆ

 เอามาถึงอุปกรณ์ที่ติดมาจาก ภาคที่แล้วก่อน

. หมวก..ถ้าใส่เรียนทุกอาทิตย์ได้ก็ไม่ปัญหาใส่มาภาคสนามไม่หายก็โอเค(มันขายข้างๆค่ายพัก)

    เสื้อซัพใน ถุงเท้า กางเกงใน ..เตรียมมาให้ครบได้ยิ่งดี วันละตัว อย่าไปเชื่อไอ้ความเชื่อที่ว่า กางเกงในกลับด้านเอาอะลืมๆมันไปเถอะสงสารตัวเองบ้างครับอวัยวะส่วนนั้นมันอาจจะได้ของแถมกลับไป  ส่วนถุงเท้าก็สงสารตัวเองบ้างคิดเอาละกันวันที่ต้องเดินทางไกลเข้าป่า ถุงเท้าเน่าๆชื้นๆแฉะๆ สิ่งที่ตามมาคือเท้าเปื่อย และ เชื้อรา กับ ทัวร์ฟรีฮ่องกง อาจจะตามมา ใส่ถุงเท้าใหม่ๆทุกวันช่วยได้  เสื้อซัพในยืมได้ยืมไม่มีเอาสีโทนเข็มๆ ดำ เทา เขียว(เข็มๆ) ไอ้สีเปร๊นๆ อย่าเลย อาจจะไปโดนใจครูฝึกอยากส่งให้เราออกกำลังกายเอา
 
   ชุดฝึก อย่างที่บอก ..2ชุดเป็นอย่างน้อย ถ้า กางเกงใน ถุงเท้า เสื้อซัพในครบ ก็ เอาใว้ใส่กลับบ้าน 1ชุด แต่ถ้าชัวร์ว่ามีคนมารอรับถึงที่ไม่ต้องกลับเทคซี่หรือรถเมล์ ชุดเดี่ยวก็ได้ต้องใจถึงมากๆ(เพราะมันเป็นอย่างเดียวที่ไม่มีขาย,หาเก็บไม่ได้และ.ไม่ใครบริจากนั้นเอง เตรียมไป 2ชุดเป็นอย่างน้อย ถ้าปี 4-5 ชุดเดียวบางครั้งท่านอาจจะได้ใส่กางเกงรด.ขาสั้นฝึกต่ออีก 4-5วัน  เพราะ ปี4ครูฝึก เป็นเบร์เร่แดง(รบพิเศษ)น่ะครับ(โหดน่ะมึง) ถ้าเสื้อมีน้อยกางเกงเอาไปเยอะกว่าก็ได้ไม่ต้องครบชุดหรอก และมันจะมีออฟชั่นอะไรมากมายช่างมันเอาไปให้พอ

   รองเท้า อย่างที่บอกไว้ตอนภาค 2 เลือกที่ดีๆหน่อยครับ ผมไม่แน่ใจว่าที่เขาชนไก่หรือสนามฝึกยังมีร้านซ่อมรองเท้าเคลื่อนที่อยู่ไหม เพราะถ้าไม่มีก็....นึกเอาละกันว่าเดินทางไกลคนอื่นเดินชิวๆ แล้วทำไมที่เท้ากรูมีเป็ดว่ะ...T_T .. รองเท้าเป็นไปได้เลือกดีๆไปเลย เพราะเรียน ที่ศูนย์ฝึก อาทิตย์ละวันไม่ได้บงบอกหรอกว่ารองเท้าของท่านมันจะคงกระพันแค่ไหน 
  
    ส่วนของอื่นอย่างเข็มขัด ก็ดูที่ ภาค 2 
    ที่นี้มาดู ไอเท็มที่จำเป็นต้องเอาไปฝึกดีกว่า ..


 เป้สนาม ไอ้นี้เป็นอุปกรณ์ที่หาง่ายมาเดี้ยวนี้ ที่เราๆเห็นกันอยู่แบบนี้เรียกว่าแบบ ตชด. มีกระเป๋านอก 2อัน และมีประเป๋าช่องเดียวตรงกลาง กระเป๋ารุ่นนี้มีหลายเจ้าที่ผลิตอยู่ ให้ดูรอยเย็บดีๆ และ ตัวปรับสาย ถ้าล๊อกแล้วเอามือดึงไม่หลุดก็ใช้ได้ ถ้าเรียนแค้ปี3 ไอ้เหล็กรองหลังไม่จำเป็น เพราะตอนเดินทางไกลเอาไปไม่เยอะ กระเป๋าเล็กแนะให้ใส่ของที่ต้องใช่บ่อยๆ เช่นชุดอาบน้ำ หรือบางคนเอาใส่ห่อไว้ก็ได้อย่างมั่นใจว่าวางไว้ในเต้นแล้วจะปลอดภัย ทาง นสร.ให้ใช้เป้สนามแบบนี้ และยังมีอีกแบบคือแบบ US ที่มีกระเป๋า 3ช่อง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มี คุณพ่อเป็นทหารที่สามรถยืมได้ แต่ใช้แบบ ตชด.อะหาง่ายสุดแล้ว และราคาไม่แพง ส่วนแบบอื่นๆที่มีขายนั้นผมไม่แน่ใจว่า ทาง นสร.อณุญาติรึเปล่า แต่ที่แน่ใช้2แบบนี้ไม่มีปัญหา
เป้สนามแบบ ตชด.


เป้สนามแบบ US 
ที่มาhttp://www.weekendhobby.com/thai2market/Question.asp?ID=10001&group=military

เหล็กรองหลัง
ที่มาhttp://www.thaiscooter.com/forums/showthread.php?t=541308

                  อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย... อาทิเช่นสบู่ แปรงสีฟัน ยาสระผม Whatever  ตามแต่จะนึกออกส่วนใหญ่ทาง โรงเรียนจะมีใบแผนที่มาให้แล้วว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้างแต่ บอกแล้วไงผมเอาที่รายละเอียดมันดีกว่า อย่างยาสระผม มันก็เขียนแค่ว่ายาสระผม พ่อแม่บางคนกล้วชายน้อยขาลแคลนเล่นเอามาแบบ กระปุ๊กเบอเหร่อ ใช้กันทั่งกองพันยังเหลืออันนี้ก็ไม่ไหว แต่ตอนผมไปผมมีวิธีง่ายๆ คือระบบรวมนา 555+ คือของอย่าง 
              ยาสระผม  ยาสีฟัน มันต่างคนต่างใช้ได้ก็รวมเงินกันซื้อแล้วแต่งตั้งคนดูแลพออาบน้ำก็เอาไปตั้ง ใครอาบคนสุดท้ายในกลุ่มก้เอากลับ แต่บางทีมีคนแจมก็ไม่ได้ว่าอะไรใช้ไม้หมดอยู่แล้ว แถมไม่กะเอากลับด้วย  แต่ของอย่างสบู่มักจะพบอยู่ในถังขยะบ่อยๆเมื่อเส็จสิ้นการฝึก แต่1ก้อนสามรถตักแบ่งกันได้ 2-3คน ที่แน่ๆแปรงสีฟันของใครของมันแน่นอน ใครที่พยามยามใช้อุปกรณ์อย่างอื่นแทนการอาบน้ำผมว่าอาบได้อาบเถอะ เพราะท่านจะได้พักผ่อนนอนหลับได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าปี4 ได้อาบน้ำ 2ครั้งคือก่อนเข้าป่า และก่อนกลับ การอาบน้ำแห้งก็โอเค สำหรับ เจล-โฟม-สบู่ล้างหน้า เอามาได้ก็เอามาเถอะ แต่ถ้าไม่เอาแบบหลอดเล็กมาก็เอามากะว่าใช้หมด เพราะท่านจะมีเพื่อนฝูงรักมากเป็นพิเศษ 
             ของอย่างสารดับกลิ่นกายทั้งแบบกลิ้ง ทา พ่น จำเป็นไหม..ตอนกลับจำเป็นครับสำหรับสิ่งที่เรียกว่ามนุษยธรรม เดี๊ยวจะมีคนบอกว่าทหารรังแกประชาชน(ด้วยกลิ่น) แต่ตอนฝึกไม่ต้องหรอก หอมอยู่คนเดียวคนอื่นเน่าหมด็ไม่ประโชนย์หรอก หมากฝรั่งดับกลิ่นปาก อ้าา...ต้องครับแต่มีขาย คลีมกันแดด เอา ค่า SPF สูงๆไปเลยเอามาค่าต่ำไม่ช่วยอะไรมาหรอก เอาไปไม่เสียหายอะไรน่ะฮ๊าฟ  ครีมบำรุงผิวจำเป็นโคตรสำหรับใครที่ได้ไปผลัดช่วงหน้าหนาวคันหน้าทรมานน่ะเอาไปกันหน้าแตกดีกว่าสำหรับคนผิวแห้งเอาไปแบบเป็นซองๆ ลิปฯมัน ใช้งานเหมือนครีมบำรุงผิวเวลาปากแห้งแตกนั้นก็น่ารำคาญเพราะสภาพอากาศนั้นคาดเดายาก สเปร์ดับกลิ่นเท้า ใครรู้ตัวก็เอาไปเถอะทรมาน คนในเต้นเดียวกันทำไม กย.15 ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นผมรู้ว่ามันเชยเดี๊ยวนี้มีมากมายไม่ใช้เฉพาะยี่ห้อกย.15 ก็เอาไปก็ดีครับเดี๊ยวได้มาลาเรียกลับมา  ผ้าขุนหนู หรือ ผ้าขาวม้า เอาไปด้วยน่ะครับแต่อย่าเอาไปห่มแทนผ้าห่มมันไม่ช่วยให้อุ่นเพราะมันชื้อแล้วอากาศในป่าพอดึกๆมะนจะยิ่งชิ้นและหนาว เอาไปเช็ดตัวอย่างเดียวดีกว่า  
         ในปี 4นั้น จะให้เราอาบน้ำแค่2ครั้งมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ.ผมแนะนำว่าให้เอาแจลล้างมือแบบไม่ต้องล้างออกไง..เอาไปอาบแทนน้ำหรือเอาชุบผ้าขุนหนูเช็ดตัวก็ได้.


  ยาและเวชภัณฑ์   อืม.ที่สนามฝึกมีหมดครับ ไม่ต้องเอาไปแต่ ก็มีแต่ครับยาประจำตัวสำหรับผู้มีโรคประจำตัวเอาไปน่ะครับ  ส่วนยาบางตัวอย่างยาคลายกล้ามเนื้อ (กระซิบน่ะครับ)ซื้อที่ดีๆไปเถอะ บางคนเอาผ้ากีอตพวกที่พันกล้ามเนื้อ(กีฬาๆอะ)ไปด้วยก็ได้ ครับช่วยได้ เกลื่อแร่ เอาด้วยดีครับไม่ต้องเสียเงินซื้อสปอนเซอร์ เอาแบบที่มีรสชาติต่างๆ 


  เครื่องนอน หลายคนคงนึกถึงถุงนอน  อืมผมว่าดีครับที่เป็นม้วนๆผมเคยสบประมาทคนที่เอามาว่าเป็นลูกคุณหนูแต่เมื่อ อุณภูมิเหลือ 8องศาในป่า...อืมมม ชักอยากเป็นคุณหนูขึ้นมา แต่ถ้าท่านทนหนาวได้ผ้าห่ม ก็ได้แบบที่ไม่มีนวมอะ แต่ผมไม่เคยใช้ถุงนอน แต่เชื่อเถอะว่าถุงนอนดีสุดละเพราะมันเดาสภาพอากาสไม่ได้ ..เกินดีกว่าขาด หมอน ถ้าเป็นแบบยัดนุ่นอย่าเอาไปเลยเปลืองเนื้อที่กระเป๋า แต่ถ้าจะหิวไปก็ได้ เออแต่ผมว่าหมอนเป่าลมโอเคเลยครับ ใ้ช้เส็จปล่อยลม จะใช้ก็เป่าลม พกพาสดวก อีกอย่างถ้าใครคิดจะเอาที่อุตหูไปเพื่อที่จะได้หลับอย่างเป็นสุขต้องแน่ใจว่าเพื่อนร่วมเต้นมันจะไม่ทรยศเราน่ะครับ ผ้าปูรองนอน คนละผืนเอาไปเลยครับ ช่วยได้เยอะ
ถุงนอนเมื่อม้วนเก็บแล้ว
ที่มาhttp://www.tarad.com/ladybugcamping/product.php?cat=154725&lang=th
ถุงนอน
ที่มาhttp://www.iamyoungdee.com/webboard3.php?id=118&p=1


 กระติกน้ำ.เป้น้ำ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณืที่โคตรจำเป็นและต้องมีเพียงพอบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะหาแหล่งน้ำได้ง่ายๆ(เวลาเดินทางไกลจะตายเอาถ้าน้ำไม่ค่อยจะขอคนอื่นอะลำบาก ) และบ้างครั้งก็น่าลำคาญมากๆ โดบเฉพาะถ้ามัน ซึมออกมาจะเปี้ยกกางเกงที่เราเห็นบ่อยๆมันคือรุ่น1 ลิตร 

รุ่น1ลิตร
ที่มาhttp://www.e-travelmart.com/accessories_01_09_02.html
  ถ้าเป็นขงดั้งเดิมแท้จากUSเลยนี้มันจะไม่ปัยหาการรั่วซึมเลยแต่ที่เราหาซื้อได้มันดัน ซึ่มแน่ๆ บางคนแก้ปัญหาด้วยการใช้เศาถุงพสาติกหุ้มก่อนปิด และให้ตายสิบางครั้งมันก็น่าลำคาญมากๆเวลามันเลื่อนไปหน้าทีหลังที เพราะไม่ได้ปรับเข็มขัด (เดียวมาว่ากัน) วิธีแก้ใขน้ำรั่วซึ่มคือถ้ามีแผ่นยางบางให้ตักแบบพอดีความกว้างด้านในของฝาปิด(เป็นแผ่นกลมๆ)แล้วยัดให้แน่นหน่อยก็ใช้ได้ถ้าไม่ชัวร์ติดกาวตราช้างไปเลยแล้วเทสเอามือคว่ำกระติกลงแล้วบีบเลย ถ้าไม่มีรั่งใช้ได้ ออฟชั่นของรุ่นที่มีซองพร้องแผ่นเหล็กคาดเข็มขัดคือแก้วน้ำทรงแปลกๆ(น้าจะเรียกหม้อมากกว่า) 

         แต่เดียวนี้มันมีสะดวกกว่ากระติกน้ำคือเป้น้ำซึ่งมีขนาก 1 ลิตร 2ลิตร 3 ลิตร ใช้สพายหลังมีหลอดดูด แทนที่จะเปิดดื่มเอา 
มีหลายแบบหลายสีหลายขนาด

โดยจะมีถุงน้ำบรรจุอยู่้ด้านในอีกที่มันค่อนข้างสะดวกกว่ากระติกน้ำมากๆๆ

ที่มาhttpwww.thaimtb.comforumviewtopic.phpf=170&t=305617&view=previous
   
หรือถ้าใครใจถึงก็ใช้แบบนี้ก็ได้น่ะ 



 สายเก่ง สายโยงบ่า +เข็มขัดสนาม เป็นอุปกรณ์ที่เรารู้จักกันดีแต่บางคนใช้แบบไม่ค่อยรู้จักมันเท่าไรแต่มันก็เทห์น่ะ.มาดูสายเก่งที่มีใช้ๆกันอยู่มี2แบบหลักๆ ก็แบบสายด้ายถัก รด.ดกับแบบUS 


สายโยงบ่านี้ใช้เื่พื่อช่วนในการพกพาอุปกรณ์อย่างกระติกน้ำหรือกระเป๋าใส่ซองกระสุน
ที่มา httpwww.suanboard.netview.phpp=view&kid=34862&in=1
 สังเกตุจากรูปได้ว่า มีการปรับให้ระดับเข็มขัดอยู่เดียวเดียวกันที่เองเท่ากันหมดที่จริงคืออยู่ในระยะที่มือ เอื้มถึง นั้นเอง 
สายโยงบ่า ร.ด.
สายโย่งบ่า US.


                     การใช้สายโยงบ่านั้นที่ใช้กันเพื่อรับน้ำหนักอุปกรณ์อย่างกระติกน้ำซองกระสุนกระเป๋าอื่นๆอะไรก็ได้ที่จะน้ำมาติดกับสายเก่งนี้ ที่ถูกต้องคือเข็มขัดสนามจะไม่รัดมากแค่พอดีเพราะสายโยงบ่ารับน้ำหนักไว้แล้วนั้นเองบางครั้งถ้าไม่มีอะเลยอยู่ที่เข็มขัดบางที่มันอาจจะชี้เด้เลยคอขึ้นมา(5555+คงนึดออกน่ะ)นั้นเพระาสายโยงบ่ามันยังแข็งอยู่ยังไม่นุ่ม (แต่ถ้าได้มาแรกแล้วเอากระติดน้ำ2ใบใส่ให้ครบไม่ชี้หรอก)อาจจะหาอะไรถ่วงให้มันนุ่ม การใส่ที่ถูกต้องคือปรับสายให้เข็มขัดอยู่รับเองเท่าๆกันทุกด้าน ในบางรายที่ไม่อะไรมากมายมีแค่เข็มขัดกับกระติกน้ำก็โอเคถ้าไม่คิดว่ามันหนักที่เอว 
                เข็มขัดสนามเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่ใช้ร่วมกับสายโยงบ่า ที่เราๆเห็นกันก็มีหัวหลายแบบแต่ทุกวันนี้ที่ใช้งานง่ายที่สุดคือ 

ที่มา www.gun.in.thboardindex.phptopic=46066.0
ยังมีแบบนี้อีกแบบหัวล๊อกเหล็ก แต่แบบนี้เราต้องปรับให้สายพอดี(เกือบรัด)เอวหรือสะโพกที่สุดเพราะถ้าวหัวเข็มขัดย้อนเข้าหากันมันจะหลุดได้ ถ้ามีสายโยงบ่าก้ดีไป ถ้าไม่มีเวลาวิ่งอาจจะได้ย้อนกลับมาเก็บ 

ที่มา www.be2hand.comscriptsshop.phpuser=youngcamping&do=list&cat_id=33488


ถ้าไม่คิออะไรมาว่าจะต้องใช้อุปกรณ์แบบทางทหาร มากมายก็อาจจะใช้แบบนี้ก็ได้แต่ข้อเสียคือไม่มีรูไว้ยึกสายโย่งบ่า 

เป็บแบบที่ตำรวจนิยมใช้กัน
ที่มาhttpboard.trekkingthai.comboardshow.phpforum_id=8&topic_no=253878&topic_id=257378&page=1
มีทริกอย่างหนึ่งถ้าเมื่อเราปรับสายโยงบ่าให้เข้าที่แล้วกลัวหลุดให้เอาเทปพันสายไฟ รักตรงที่สายปรับที่เหลือ(คือปลายๆอะ) ให้แน่นแค่นี้มันก็จะอยู่ที่เดิม 

   ผ้าพันคอ เป็นไอเท็ม อย่างหนึ่งที่ บางคิดว่าไม่จำเป็นแต่ถ้าไปฝึกที่เขาชนไก่ที่ฤดูแล้ง มีฝุ่นที่ละเอียดมากมาก เพื่อสุขภาพปอดของท่าน จักหามาเถอะครับ หาซื้อได้ทั้งที่สนามฝึกและนสร.แต่ถ้าหาซื้อไม่ได้ก็ผ้าปิดจมูกธรรมดาก็ได้ (แต่มันไม่เท่) จะเป็นทรงสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมก็ได้แต่ต้องสามารถผูกปิดจมูกได้(นึกถึงโจรปล้นธนาคาร) 

ผ้าพันคอแบบสามเหลี่ยม
ที่มาhttp://www.topvictorystar.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=75474&Ntype=4

       หรือตอนนี่ที่ผมว่าใช้งานได้ดีมากๆเลยคอผ้าซีมัก 


หล่อซ่ะ 
ที่มาhttp://theonebbgun.weloveshopping.com/store/product


ไม่ว่าจะเป็นผ้าอะไรถ้ามันเอามากันฝุ่นหรือใช้ประโชนย์อย่างอื่นได้หลายอย่าง เช่นการปฐมพยาบาล ก็น่าจัดหามาทั้งสิ้น

                  ไอ้โม่ง และ ถุงมือ บางคนนึกไม่ถึงแต่ถ้าอากาศหนาวมากๆในยามเช้าและเข้าเวรตอนกลางดึก มันก็จำเป็นมากๆ ถุงมือไม่จำกัดแบบแต่เอาหุ้มนิ้วได้ครบทนความเย็นได้ก็โอเคแล้ว  ก็นึกเอาละกันว่าปืน ปลย.88ที่ตากความเย็นทั้งคืนจะเย็นขนาดไหน ส่วนไอ้โมงเอาแบบไหนมาก็ได้เพราะถ้าเ้ขาเวรกลางดึก เล่นเองจมูก กํบหูชากันเลยที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบ เมเสจเจอร์ หรือ ตัดอ้อยก็ใช้ได้หมด
               ถุงมือนั้นมีตั้งแต่แบบ ตัดอ้อย แบบจราจร หรือถ้ามีตังค์หน่อยก็ถุงมีขับมอเตอร์ไซด์
ถ้าคนเล่น บีบีกันส์จะมีถุงมือที่ใช้เล่น กัน เอาด้วยก็ได้
         


           
  ในภาพไม่ได้ชี้นำเพียงแค่ มันเท่ดีน่ะ 55+

























         มาถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกเมื่ออุหกรณืพร้อมแล้วมาดู ทริกการใช้ชีวิตในค่ายดีกว่า .


การอาบน้ำ
               เป็นเรื่องปกติมากๆสำหรับทุกวันในเมื่อการฝึกเส็จสิ้น เราก็ต้องทำการอาบน้ำกัน มันคงจะเป้นเรื่องน่าลำคายไม่น้อยถ้า คนเยอะ ..... เรื่องแบบนี้ต้องไวครับ เพราะเวลาของท่านมีค่ามากกมาย  งันมาดูเลย
ก่อนนอนเลิกฝึกประจำวัน
   1.ก่อนที่จะออกไปฝึกอุปกรณืในการอาบน้ำควรเตรียมให้อยู่ประตูเต็น แบบหยิบง่ายๆ 
   2.ให้อยู่รวมกันเป็นชุด เช่นเอาไว้ในขัน หรือไม่มีขันก็เอาไว้ในถุง
   3.เมื่อกำลังรวมแถวอยู่ตอนที่กำลังฟังคำชี้แจงก่อนไปอาบน้ำ หูฟังไปแต่ตอนนั้นก็ถอดสายรองเท้าออกส่ะ จากแถวบนสัก เกินครึ่งมานิดหน่อย แล้วรวบสายพันและมัดไว้ที่ข้อเท้าเพื่อให้สะดวกในการเดิน (ในกรณีของผู้ใช้รองเท้าแบบมีซิบไม่ต้อง)
   4.เมื่อเลิกรวมแถวที่ครูฝึกให้ไปอาบน้ำ ท่านอย่ามัว ลีลา คุยโน่นคุยนี้ เพราะอาบเส็จมีเวลาคุยกันอีกเยอะ  ไม่ต้องวิ่ง เดี๊ยวล้มหน้ากระแทกปืนตัวเอง 
  5.เมื่อมาถึงเต็น วางปืนไว้ในเต็นให้เรียบร้อย ถอดรองเท้าส่ะ(ไว้อยู่แล้วไม่ต่องแก้สายให้นาน) อุปกรณ์ต่างที่ตังท่านเหลือไว้แค่ กางเกง เสื้อซับใน รองเท้าแตะ อุปกรณ์อาบน้ำ(สบู่ แปรงสีฟันที่แต้มยาสีฟันแล้ว ผ้าเช็ดตัว ) 
 6.ของที่จะเปลี่ยนเช่น กกน.หรือ เสื้อซัพใน กลับมาเปลี่ยนที่เต็นได้ เอาของเฉพาะที่จำเป็นไป เพราะความคล่อตัว 
  7.เมือ่ไปถึงที่อาบน้ำ อยู่ใกล้ๆทางออกดีที่สุด เพื่อเวลาออกจะได้ไม่โดนน้ำที่เพื่อนๆอาบกันอยู่  และผ้าต่างๆจะได้ไม่เปียก 
 8.เมื่อกลับมาอย่ารอช้า เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย ใครจะเข้าเวรพลัดแรกใส่ชุดรอไปเลย 
 9.ใช้เวลา พักก่อนรวมแถวสวดมนต์  ให้คุ้มค่าที่สุด

ตอนเช้าก่อนฝึก
  มันคล้ายๆกันกันกับก่อนนอนเพียงแต่ว่า ถ้าอากาศเย็นๆล้างหน้าก็พอแล้วละ .ไม่ต้องอาบหรอกเสียเวลา ..


ก่อนตื่นนอน
        มันเป็นอะไรยุ่งยากวุ่นวายมากถ้าตื่นนอนพร้อม เสียงนกหวีด เพราะเวลามันจะท่านสุดจะเบื่อมากๆ(ตี5กว่าๆ)คิดเอาละกัน ผมมีวิธีง่ายๆคือ ตื่นก่อนใส่ทุกอย่างให้เรียบร้อย เช่น เสื้อฝึก รองเท้า เตรียมทุกอย่างก่อนนกหวีดตื่นนอน เท่านี้ท่านก็จะ มีเวลาอีกเยอะ


ตอนเข้าเวร 
     วิธีไม่ให้หลับเวรที่ดีที่สุดคือกินๆๆ และกิน 555+ และบางครั้งอาจจะได้ เจ๊คพ๊อท เพราะบางครั้งครูฝึกใจดีก้อาจจะเอาขนมนมเนย ต่างๆมาให้ดดยไม่ทันตั้งตัว หรืออาจจะเป้นอาหารจากมื้อเย็น เช่นผลไม้หรือของหวาน  เป็นต้น
      ถ้าใครเอากล้วที่มีเฟล็ตไปด้วยเป็นช่วงที่ดีมาในการถ่ายรูป กลางคืนแนวไปอีกแบบนี้ จะแอีคท่าไหนยังไง ไม่ต้องแคร์สายตาใคร ใครเข้าเวรใกล้แสงสว่างก็ดีหน่อยมีที่ให้อ่านหนัง(ถ้ามี)

การทำอาหาร(สถานีการดำรงชีพในป่า)
     เอามาถึงสถานี้นี้คงมีปัญหาไม่น้อยแต่เชื่อไหมว่า เป็นสถานีที่วัดความเป็นผู้นำได้ดีที่สุด  แนะนำอย่างหนึ่งว่า  ควรแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจนใครพอมีหัวทำอาหารบ้างก็ไป สับหั่น ซอยเตรียม คนที่ทำอาหารไม่ค่อยเป็นควรไปมือเพลิงก่อไฟ เพราะควรทำให้อาหารสุขไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสุดท้ายถ้าไม่มีฟืนเตรียมไว้ก็ต้องมีคนเก็บฟืน อะมาดู


  1.ข้าวในหม้อจะมีขีดบอกระดับข้าวกับน้ำใส่ตามนั้น เวลาข้าวสุกเอาไม้เคาะจะมีเสียงกลวงๆปุ๊กๆ




  เป็นสิ่งแรกที่ต้องลงไปที่กองไป กองไฟยิ่งใหญ่ยิ่งดีเพื่อให้สามารถทำอาหาร หลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

2..กับข้าว ส่วนใหญ่จะมีไก่(ทำมาแล้ว) เครื่องต้มยำ (ควรแบ่งใส่ปลากระป๋องบ้าง) ไม่ต้องอะไรมา มีดสนาม(เอาอะไรก็ได้ไปที่มันเป็นมีดและมีฟักมีด(ปี4-5) หั่นให้ทุกอย่างมันพอดีๆ พริกไม่ต้องหั่นเสียเวลา ทุบเลย  แล้วตามนี้
 ต้มยำไก่
  -หั่นไก่พอดีคำ(หั่นเล้กจะได้แบ่งกันได้เยอะๆ)
  -ต้มน้ำพร้อม ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ที่หั่นแล้ว
  -ปล่อยน้ำเดือดสักพัก แล้วเอาเนื้อไก่ใส่ลงไป
  -ดูจนไก่สุขแล้วเอาลงจากไฟ
  -จากนั้น บีบมะนาว แล้วฝใส่ หอมกับผักชีเป็นอันจบ

ยำปลากระป๋อง
 ใครที่เอาปลากระป๋องไปต้มขอบอกเลยว่าเสียเวลาเปล่าๆเพราะมันทำงานกว่าไอ้2อย่างแรกมากๆ
 -หั่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกที่ทุบแล้ว  หั่นมะนาว(อันนี้มีน้อยบริหารดีๆ) ผักชี ต้นหอม
 -เปิดปลากระป๋องมีกี่กระป๋องเทรวมกันไป
 -นำ ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริก ลงไปคลุกเคล้า
 -เมื่อได้ที่บีบมะนาวลงไป แล้วคลุกอีกที
 -แล้วโรยผักชีและต้นหอม
*ปลากระป๋องคนให้หลามันและไปเลยอย่าให้เหลือเป็นตัวๆและจะแบ่งกันกินง่ายขึ้น

หลักมันจะมีสองอย่างนี้แแหละ
ผมจัดหน้าที่กันแบบนนี้ หมู่ปลย.11 คน
 -พลหั่น 1 นาย  หั่นทุกอย่างที่ขว้างหน้า ต้องแรกดีพอสมควร
 -พลต้มยำ 2 นาย ทำกับข้าวชนิดต้มยำ ต้องทำกับข้าวเป็นบ้าง (เป็นดอกไม้เหล็ก(สาวประเภท2) จะดีมาก)
 -พลฟืน 2 นาย  หน้าที่หลักหาฟืนเติมกอกงไปให้แรงตลอดเวลา จำไว้เลยว่าอาหารของท่านจะได้กินช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความแรงของไฟ มากไป ก็ทำอะไรยากน้อยไปก็ช้าอีก
 -พลไฟ 1  นาย ทำงานร่วมกับ พลฟืน และต้องมีหน้าที่ในการดูและข้าวให้สุกด้วย
 -ผลเตรียม 1นาย เตรียมพื้นที่ในหารับปานอาหารแต่สามารถช่วยงานพลไฟได้
 -พลปลากระป๋อง 1นาย ทำปลากระป๋องและเตรียมข้าวที่กำลังจะหุงให้พลไฟ
 -พลคลัง1นาย ดูและจัดการเฝ้าจ่ายแจกอาหาร และผลไม้
 -พลน้ำ 1 นายหน้าที่ก็บอก มีหน้าที่บริหารจัดหารน้ำในการทำอาหารให้เพียงพอ

ทั้งหมดนี้ถ้าสามารถแบ่งกันได้อย่างพอดี มันจะลดความวุ่นวายได้มากและ ไม่มีแบบว่า "1คนทำ10คนดู"
แต่จำไว้ว่า ไฟต้องแรง ไม่งั้นอาหารสุขช้า  
  


 เอาละครับขอจบตอนภาดสนามเอาไว้ก่อนถ้คิดอะไรได้อีกจะกลับมาต่อครับ 



วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด.ภาค2

รด.ภาค 2 

    ภาคนี้ว่ากันด้วยไอเท็มของ นศท.กันหน่อย เอาละผมว่าสำหรับโรงเรียนที่มี นศท.เยอะคงไม่เป็นปัญหาเท่าไรเพราะ อ.ผู้กำกับท่านคงรับเป็นธุระให้แต่บางครั้ง สำหรับโรงเรียนที่ นศท.ไม่ค่อยป๊อบ เท่าไร คงเป็นปัญหาในด้านการจัดหาไม่น้อย หรือแม้กระทั้งไม่ พึงพอใจกับของที่ได้รับการจัดหามา ให้ เพราะประสบณ์การส่วนตัว เช่นรองเท้าพื้นและตัวรองเท้าลาจากกันขณะฝึกภาคสนาม หรือ เป้ากางเกงไม่สามรถรับแรงดึงได้(เป็นที่มาของเป้าแตก) อะไรประมาณนี้ ถ้าบางคนมีคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ทำงาน เป็น ทหาร-ตำรวจ(ตชด.)ก็อาจจะสบายตัวไป แต่ถ้าที่บ้าน ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกันเลย ผมว่า ลำบากแล้วละ เพราะมีคำๆนึงที่ นย.มักจะพูกันคือ "อย่าไว้ใจยุทโธปกรณ์ ที่กองทัพจัดหาให้มากนัก เพราะมันจากผู้ที่ประมูลได้ราคาต่ำที่สุด" คือ ของบางอย่างอายุการใช้งานต่ำมากๆ และบางที่ก็เป็นภาระมากกว่าแบ่งเบาภาระ การจัดหาของค่อนข้างมีราคามาใช้งาน 


         ผมว่าคุ้มน่ะ   ถ้าใครเคยเข้าค่ายปี 3 แล้วยุทโธปกรณ์ของเราดันเดี้ยงในวันแรกๆจะเซ็งมาก เหนื่อยก็เหนื่อย กระติกน้ำแหม่งก็ซึมเปียกเอวกรูหมดละ เข็มขัดเวรนี้ก็ชอบหลุดอีก กางเกงมานเป็นห้าอะไรเข่าขาดอีกละมี2ตัวมันจะพอไหมว่ะ  รองเท้าเชี๊*ไรพื้นเปิดมาอ้าปากอีก สายกงสายเก่ง แหม่* น่าลำคาญ ชิบหาย หมวกบ้าอะไรว่ะรัดหัวกูจนปวดกระบาลหมดละ  กระดุมเสื้อก็หายชั่วโมงละเม็ดพรุ่งนี้กรูจะเป็นเอลวิสอยู่ละ  เหลืออีก 5วัน นี่กรูไม่ต้องใส่ผ้าเตี้ยวฝึกเหรอว่ะ กรูจะบ้าาาาาาาาาาาาา....(อย่าห่วงๆใกล้แถวนั้นจะมีร้านขายอุปกรณ์อยู่ใกล้ๆแต่รับเงินสดเท่านั้น) 


 เอาละถ้าฝึกอยู่ที่ ศูนย์เรื่องพวกนี้ไม่ลำบากเท่าไรหรอกแต่มันน่าลำคาญมากๆ เอาละมาดูทีละไอเท็ม ดีกว่า
มาดูที่ละชิ้น

 หมวก 
                 ตามแบบ มีแบบเดียว(ยกเว้นปี4-5)คือหมวกเบเร่สีเขียว แบบนี้ 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่กลางหมวกนั้นแหละ)
หวกนั้นทำด้วยผ้าสักหลาด สีเขี่ยวอ่อน นุ่มและโปรง เนื้อผ้าด้านในจะมีหรือไม่มีแล้วแต่ผู้ผลิต แต่ส่วนใหญ่เป็นสีดำ หลายคนอาจจะไปซื้อมาเอง และบางคริ้งเนื้อผ้าก็ไม่ใช่ตามรูป เป็นเนื้อผ้าแบบแบบแข็งๆ(หมวกแบเร่สีแดงของลูกเสือ) ผ้าแบบนั้นผมเองเคยใช้ตอน ปี1 ร้อนมากๆ เหงื่อแทบไม่ระบายเลย แต่ทรงสวยแต่สีหมวกจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ(ถ้ายิ่งในกทม.)  ก็แบบผ้าสีเขียวอ่อนนุ่มๆนี้แหละ สบายหัวละ


เข็มขัดและหัวเข็มขัด 

           ส่วนหัวทำด้วยโลหะทองเหลืองส่วนสายทำด้วยเชือกถัก  เอาเป็นว่าถ้าท่านชอบแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าการทำงานของมัน มักจะแบบแบบกล่องไม้ขีดที่มีเขี้ยวและลูกกลิ้งล๊อค (เอาน่ะมันเหมือน) ส่วนใหญ่แบบนี้จะเป็นแบบขัด(คือจะต้องใช้สารขัดผิวโลหะเพื่อให้เงางามเมื่อใช้งาน) แบบชุบ(อันนี้ไม่ต้องขัด)เคลือบไม่มีเว้นแต่ไปชุบเคลือบกันเอง  เวลาไปซื้อผมแนะนำให้ลองดึงดูเลย(เทสกันกน้าร้านเลย) คือเอามาสอดประกอบกันเหมือนกับที่เราใส่ที่เอวแล้วดึงใช้แรงดึกให้มันหลุดออกจากกัน ถ้าแรงเรา(คือมีแรงอะ)ดึงไม่หลุดออกจากกันก็หายห่วง 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่ในรูปนั้นแหละ)


หัวเข็มขัดในรู้นี้คือแบบแพงน่ะครับ โดยเป็นแบบที่เรียกว่าเกี่ยว2ข้าง ไม่ต้องห่วงเรื่องเกี่ยวไม่อยู่ แบบนี้นิยมในชั้นปีที่4-5 จะมีทั้งแบบขัดและชุบ 

 สายเข็มขัดถ้าเป็นไปได้ซื้อเผื่อยาวๆหน่อยเพราะถ้าดันเป็นคนพอดีวื้อมาแล้วมาตัดกะว่าไอ้ส่วนปลายที่หุ้มทองเหลืองมันพอดีขอบเป๊ะ อย่า น่ะครับ เพราะเวลาใช้งานเราปรับด้านในส่วนที่เป็นเขี้ยวไม่ใช่ลูกกลิ้ง น่ะ  แถมส่วนใหญ่มักจะลืมขัดให้ส่วนปลายนี้ด้วย ขอแนะนำเลยครับขัดด้วย..

 รองเท้า 
 เรามักจะมองมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่มันสำคัยทันที่เมื่อ

  - พังตอนฝึก
  -โดนทำโทษเพราะไม่เงา
  -ร้อนอับเวลาอากาศอบอ้าว 
  -หนักเป็นตันเมื่อขาเริ่มหมดแรง
  -เป็นบ่อปลาเมื่อเปียกน้ำ
  -เคลื่อนที่ลำบากเมื่อต้องวิ่ง...

เอาละผมจะมาแนะนำทีละคู่ๆละกัน  

.คอมแบ็ต 

    เป็นที่นิยมมาก เป็นหนังทั้งหมด อันนี้ผมแนะนำว่าเพื่อความสะดวกของท่านซือแบบมีซิบเลย และเพื่อกันโง่ เวลาใส่ปรับสายรองเท้าครั้งแรกพอให้พอดีกับเท้าและข้อเท้าเรา แล้วถอด+ใส่ไม่ต้องไปยุ่งกะสายรองเท้าละ รูดซิบเอา ไม่ต้องรื้อสายรองเท้าทุกครั้ง และหนัง หรือผิวของรองเท้านั้น ควรเรียบมัน(แหมไม่ได้ขัด ) และลื่น เพราะสมัยนี้ดันมีผลิตนำหนังห่วยๆมาทำรองเท้า(ไอ้ที่ผิวไม่เรียบเป็นขุยง่ายนั้นไง)เพราะผิวหนังรองเท่ามันจะไปไวมาก(จนน่าตกใจ) ต่อมาคือพื้นรองเท้า แนะนำเลยไม่สนน่ะว่าลายแบบไหน เอาแบบที่เย็บมาแล้วชังร์ที่สุด เพราะคอมแบ็ต นั้นส่วนใหญ่ที่ผมเห็นพื้นและตัวมันจะแยกกันบ่อยมาก 
การดูแลต้องขักทั้งหมดส่วนหัวเงามากหน่อย  เอาไปผึ่งแดดไล่กลิ่นบ้างก้ดี รองเท้าแบบนี้ถ้าซื้อมาแรกๆจะรู้สึกว่ามันแข็งๆเข้าเท้าขยับลำบาก ครูฝึกจะแนะนำให้ขัดบ่อยๆ แต่ผมแนะนำให้ใส่บ่อยๆ(เท่าที่จะทำได้)เพื่อให้หนังมันนุ่มขึ้น 


        .จังเิกิ๊ล 
  เป็นรองเท้าทีผมรู้คือถือกำเนิดจากป่าเขตร้อนชื้นในสมัยสงครามเวียตนาม เป็นผ้าช่วงข้อเท้าและเป็นหนังช่วงล่าง

   


เคริดิตภาพจำไม่ได้ขออภัย

จังเกิ๊ลนั้นโดยส่วนตัวผมชอบมาก จังเกิ๊ลในรูปนั้นเป็นแบบที่ ทบ.แจกอยู่พักนัง(ไม่รู้ว่ายังแจกแบบนี้อยู่ไหม) ใช้ทนทานและคล่องตัวมาก  ด้วยความที่เป็นผ้าจึงมีความยืดหยุดสูงและดูแลง่าย ผมเองนั้นเคยใช้แบบในรูป ตอนไปฝึกภาคสนามนั้นเวลาเดินขึ้นเ้ขาชนไก่ไม่ลำบากเท่าไรเพราะทางขึ้นจะเป็นหินมากกว่าดินเรียบๆ  ถ้าเวลาเปียกน้ำรู้สึกอับชื้นน้อยกว่าคอมแบ็ต การเลือกซื้อ ถ้าหาได้หาแบบในรูปไม่ได้ส่งเสริมการขายน่ะ นั้นเพราะราคากับความคงทนมันคุ้ม งั้นมาดูกัน
  ผ้า่ นั้นเลือกที่แข็งเป็นทรงไม่ยับง่ายๆหรือเนื้อผ้าที่นิ่มเกินไปเพราะมันจะไม่กระชับเมื่อมัดสายรองเท้าแล้ว 
  หนัง  ก้เลือกไม่ต่างจากคอมแบ็ตเท่าไรนัก 
 พื้น ควรเลือบแบบดอกยางใหญ่ๆ ลายลึกเพราะแบบนี้พื้นมันแน่นมาก ต่างกับแบบที่พื้นที่เป็นลายเล็กๆ มันถ้าไม่เย็บหลุดแน่ๆ 

ส่วนนี้คือแบบผ้าสีเขียวปัจจุบัน ในระเบียบไม่ให้ใช้แล้วแต่ถ้าจะใช้ง่ายๆ เอากีวี ทาแล้วเอาแปลกถูๆซ้ำ ดำถูกระเบียบแน่นอน

แต่สำหรับผม จังเกิ๊ลนั้นเหมาะกับการฝึก แต่ คอมแบ็ตเหมาะกับการใส่เพื่อความเท่ห์ 

และยังมีรองเท้าแบบใหม่ๆอีก



 แบ้ตเทิลบู๊ต/Tactical Boot

Tactical Boot นั้นก็พัฒนามาจากรองเท้า 2อย่างข้างบนนั้นแหละ แต่พัฒนาทั้งรูปร่างและวัสดุ มีมากมายหลายยี่ห้อและราคา แต่ส่วนใหญ่แพงจ๊ะ  ของมาจากจีนก็800-1500 บาท ขึ้นไป

รองเท้าพวกนี้นั้น ผมใส่แล้วสบายเท้ามากมันนิ่มและระบายความอับชื้นได้ดีแถมใส่วิ่งแลัวเหมือนใส่ผ้าใบมากกว่าคอมแบ็ต แต่การใส่ไปเรียนนั้น ห็แนะนำว่าเอาที่คล้ายๆจังเกิ๊ลจะดี่ี่สุด(คือช่วงล่างมีหนังเยอะหน่อยอย่ามีลวดลายเยอะนัก2แบบแรกตามรูปอะ)  และมันมีหลายสี แต่ให้เป็นสีดำ 

อันนี้เท่ห์แต่สีนี้ผิดระเบียบน่ะจ๊ะ 
เครติดตามรูป


 มันคือ ห่วงข้อเท้าหรือซิ้ง  อันนี้มองไม่ค่อยเห็นแต่ใส่แล้วดูดี 
        
           มันเอาไว้ถ่วงขากางเกงเพื่อให้เวลาที่เรารัดท๊อป(คือการนำขากางเกงยัดเข้าไปในร้องเท้า)ขอบขากางเกงจะดิ่งตรงเป็นที่สวยงาม แต่ไปภาคสนามไม่ต้องเอาไปน่ะ โดยจะมี2แบบคือ
ซิ้งเหล็ก

ซิ้งผ้า
(เครติดภาพทั้งสองอยุ่ในภาพ)



มาดูทีละแบบ 
                 แบบเหล็กใช้งานง่ายไม่ต้องอะไรกับมันมาก แต่ถ้าไม่เอาอะไรพันทับไว้เวลาแดดร้อนท่านจะรู้สึกว่าใครเอาอะไรร้อนๆมาพันข้อเท้าท่านไว้  
                แบบผ้าใช้งานลำบากกว่า โดยการใส่นั้นบางครั้งต้องใส่ทางเป้ากางเกง!! อันนี้งงอะดิ เอาเป็นว่าไปเรียนแล้วจะรู้เอง อิอิ แบบนั้ใช้งานยากกว่าแต่ถ้าใส่เข้าไปแล้วจะเบ่งตัวออกตามความกว้างของขากางเกงดูดีทีเดียวละ  เมื่อโดนแดดนานๆจะไม่ร้อน 

        จะใช้แบบในตามความชอบใจละกัน 

เสื้อ และ กางเกง
                                                      

ตามระเบียบเลยครับหาซื้อง่ายมากไม่ต้องสั่งตัด มาแบบเสื้อพร้อมกางเกง สามารถไปลองได้ที่ร้าน(จัตตุจัก หลังกระทรวง ใน นสร.)แต่หากว่าซื้อมาแล้วทรงไม่ใช่ ก็เอาไปแก้ดีกว่า เนื้อผ้านั้นจะเป็นลายก้างปลาที่ออกแบบมานานแล้วโดยกองทัพ สหรัฐ ที่เมื่อมาเจอยุ่งในเขตร้อนจนต้องออกแบบลายและเนื้ือผ้าที่ยุงกัดไม่เข้า และเป็นตามระแบบของ นสร.ในปัจจุบัน คือถ้ามัรซีดมันจออกเขียวอยู่ดี แต่ถ้าเป็นผ้าอีกแบบ(แบบมหาดเล็ก)เวลาซีดจะออกสีฟ้านิดๆ  
    ตัวเสื้อนั้น มีแต่กระเป๋าส่วนบนบ่าไม่มีอินธนู และไม่มีประเป๋าส่วนล่าง
   กางเกง ไม่มีกระเป๋าข้าง มีแต่กระเป๋า ปกติ (ก็แบบปกติไง)

 แต่เมื่อไปฝึกภาคสนามลืมไอ้ระเบียบข้างไปส่ะ เอาแค่เป็นชุดฝึกสีเขียวและเป็นทรงชุดสนามเพราะ นี้มันภาคสนาม!!

 เสื้อยืดซับใน  
เป็นหนึ่งในอุปกรณืที่รู้จักกันดีเพราะวันหนึ่งจะเห็นไม่ตำ่กว่า1-3ครั้ง ไปในที่ต่างๆ  รูปทรงมันก็คือเสื้อยืดธรรมดานี้แหละ สีก็ คือสีเขียวขี้ม้า หรือเขียวทบ. ไม่ว่าโลโก้ อะไรอยู่บนนั้น ถ้ามันคือสีเขียวมันก็ใช้ได้ ส่วนเนื้อผ้า ผมชอบผ้าฝ้าย 100% หาค่อนค้างยาก เพราะส่วยใหญ่จะเป็ย ไนล๊อน สะมากกว่า ถ้าใส่ผ้าฝ้าย เวลาถอด ถอดเสื้อฝึกออกมันจะเย็นมากๆ  เพราะเสื้อมันดูดเหงื่อหมด ถ้าเป็นโพลีเอ็สเตอร์ หรือไนล๊อน มันก็ยังจึี๊งหนืดๆอยู่ 


                  ส่วนอุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋า นั้น มันก็อีกน่ะ ในนสร.ไม่ว่ากระเป๋าแบบไหนให้ถือเอาครับ ห้ามสะพายทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น สะพานเฉียง  สะพายหลัง  งด จะให้ดีเอาแบบกระเป๋าที่สายเฉียงแต่มีมีหูหิ้วจะดีกว่า แล้ว รด.ยังมีกระเป๋าถือแบบผมขอเรียกแบบกระเป๋าป๋า ละกันจะมีโลโก้ นสร.อยู่  หรือบางคนก็ถือตำราไป ก็มี

           จะยังก็แล้วแต่ครับ การแต่งกายนั้นมันเป็นสื่อแสดงความเป็นตัวเราได้้ดี เพราะคนที่ไม่รู้จักเรามักจะจากการแต่งกาย ของเรา เมื่อเลิกจะเรียน รด.แล้วถ้ายังไม่ถึงบ้าน ก็ใส่ทุกอย่างให้มันเรียบร้อยเถอะครับ การที่เราสามารถรักษาตัวเองให้อยู่ในเครื่องแบบอย่างมีระเบียบได้นั้น ไม่ว่าเราจะทำอะำไรเราก็เป็นคนที่มีวินัย ไปในตัว มันคือสิ่งที่เรียกว่า เกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ใครก็เอาของเราไปไม่ได้   

         แล้วจะมาต่อกันในภาค 3 น่ะครับ 


....เรื่องของ วิกีพีเดีย

เราทราบกันอยู่แล้วว่า วิกีเพียเดีย เป็น Encyclopedia ที่เราสามารถค้นหา หรือสืบค้นข้อมมูลต่างที่เราอยากรู้ หรือแหมกระทั้ง สามารถนำสิ่งที่เรารู้เขียนและบันทึกไว้ได้อีกด้วย 


 แล้ววันนี้ผมอยากบอกอะไร ??? คือนอกจาก วิกีพีเดีย ที่เราๆรู้จักกันแล้วยังมี Encyclopedia แนว วิกี อีก  !!เอาละมาดูกัน 


วิกีพีเดีย http://th.wikipedia.org 
มีเกือบทุกภาษาบนโลก  ให้เราได้อ่านแต่ วิกีของแต่ละภาษานั้นจะมีข้อแตกต่างอยู่บ้างตามแต่ข้อมูลของผู้ที่เขียนลงในภาษานั้นๆ เราสามารถติดตามการเพิ่มข้อมูลได้อีกด้วยเพราะสารานุกรมแบบนี้ไม่ต้องมาปรับปรุงแบบ5ปีครั้ง มันสามารถปรับปรุงได้ทุกนาที 




Gun wiki


สารานุกรมเกี่ยวกับปืนล้วนๆคงถูกใจคอปืนไม่น้อย อันนี้ผมเปิดเจอโดยบังเอิน โดยรวบรวมเอาไว้ครบมาก เมื่อก่อนผมมีหนังสือเกี่ยวกับปืน ถ้าเอาข้อมูลในนี้มาทำหนังสือคาดว่าหนังสือคงจะหนาประมาณเมตรได้ (55+)
ไร้สาระนุกรม 
จริงๆแล้วไม่ได้เลวร้ายตามชื่อหรอกน่ะครับ แต่ผมว่ามันทำให้เราเข้าใจโลกได้มาขึ้นทีเดียวเชียวละ ถึงแหมว่าจะชื่อไร้สาระนุกรมแต่บ้างเรื่องที่เข้าไปอ่านนั้นทำให้เราสามารถเข้าใจอะไรและทันความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของโลกได้เชียวละ ที่สะคัญยังเหมือน วิกีพีเดีย ตรงที่มีหลายภาษาอีกด้วย 







OLPC WIKI
เจ้าเครื่อง LOPC นี้มันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กเพื่อการเรียนรู้ น่าสนใจมากๆ ผู้ผลิตเลยสรา้งเวปไวด์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเครื่องนี้สะเลย


วิกีดอทคอม 
นี้คือเวปไซด์ที่รวบควมเวปนามสกุล วิกี เอาไว้เป็นเวิจเอ็นจิ้นอย่างหนึ่งเราสามารถหา วิกีอื่นๆได้อีกจากเวปไซด์นี้

ชื่อก็บอกเลยว่า เป็นวิกีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นคู่เมือการท่องเที่ยวฟรี ผมลองอ่านๆค้นๆดุก็เป็นคู่มือการท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง(เพราะการไปเที่ยวจริงเราต้องถือคู่มือไปด้วยน่ะสิยกเว้นจะมาแท็บดีๆสักเครื่อง) 



WikiLeaks เวปแห่งการเปิดโปง...ที่มีข่าวดังที่สุด

หลังจากที่ผู้เขียนเวปนำเอกสารหลายฉบับออกมาเปิดโปงให้ชาวบ้านได้รับ ก็เล่นเอารัฐบาลอเมริการ้อนแรงเลยที่เดียว แหมแต่ผมยังแปลกใจว่าเวปนี้ยังไม่โดนแบนอีกเหรอ 




แล้วยังมีผู้เขียนเวป เที่เป็น วิกีพีเดีย อีกมากมาย ซึ่งบางอย่างผมก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรไดบ้าง 










     เอาละครับ เกี่ยวกับ สาระตระกูลวิกี นี้Whatever เลยทีเดียว หาว่างๆไม่มีอะไรจะดูการดู หรือหาข้อมมูลใน Encyclopediaเหล่านี้ทำให้เราเพลิดเพลินและได้สาระมามายเลยทีเดียว  หรือแหมการทั้ง ดูได้ว่าวันเกิดของคุณตรงกับเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างในประวัติสาสตร์โลกเลยทีเดียว 
  
     เราสามารถค้นหาข้อมูลของสิ่งต่างๆรอบตัวได้จาการสังเกตุ แต่การเปิดโลกของเราให้กว้างออกไปอีกก็ด้วยสารานุกรมอิเล็คทรอนิค นี้แหละครับ ถ้าเรายิ่งรู่ภาษาต่างเรายังหาความรู้เพิ่มเติมได้อีกมากมาย  

 ขอบคุณที่รับชม..แล้วจะหาอะไรแบบ Whatever มาให้ชมกันอีก..