จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด.ภาค2

รด.ภาค 2 

    ภาคนี้ว่ากันด้วยไอเท็มของ นศท.กันหน่อย เอาละผมว่าสำหรับโรงเรียนที่มี นศท.เยอะคงไม่เป็นปัญหาเท่าไรเพราะ อ.ผู้กำกับท่านคงรับเป็นธุระให้แต่บางครั้ง สำหรับโรงเรียนที่ นศท.ไม่ค่อยป๊อบ เท่าไร คงเป็นปัญหาในด้านการจัดหาไม่น้อย หรือแม้กระทั้งไม่ พึงพอใจกับของที่ได้รับการจัดหามา ให้ เพราะประสบณ์การส่วนตัว เช่นรองเท้าพื้นและตัวรองเท้าลาจากกันขณะฝึกภาคสนาม หรือ เป้ากางเกงไม่สามรถรับแรงดึงได้(เป็นที่มาของเป้าแตก) อะไรประมาณนี้ ถ้าบางคนมีคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ทำงาน เป็น ทหาร-ตำรวจ(ตชด.)ก็อาจจะสบายตัวไป แต่ถ้าที่บ้าน ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกันเลย ผมว่า ลำบากแล้วละ เพราะมีคำๆนึงที่ นย.มักจะพูกันคือ "อย่าไว้ใจยุทโธปกรณ์ ที่กองทัพจัดหาให้มากนัก เพราะมันจากผู้ที่ประมูลได้ราคาต่ำที่สุด" คือ ของบางอย่างอายุการใช้งานต่ำมากๆ และบางที่ก็เป็นภาระมากกว่าแบ่งเบาภาระ การจัดหาของค่อนข้างมีราคามาใช้งาน 


         ผมว่าคุ้มน่ะ   ถ้าใครเคยเข้าค่ายปี 3 แล้วยุทโธปกรณ์ของเราดันเดี้ยงในวันแรกๆจะเซ็งมาก เหนื่อยก็เหนื่อย กระติกน้ำแหม่งก็ซึมเปียกเอวกรูหมดละ เข็มขัดเวรนี้ก็ชอบหลุดอีก กางเกงมานเป็นห้าอะไรเข่าขาดอีกละมี2ตัวมันจะพอไหมว่ะ  รองเท้าเชี๊*ไรพื้นเปิดมาอ้าปากอีก สายกงสายเก่ง แหม่* น่าลำคาญ ชิบหาย หมวกบ้าอะไรว่ะรัดหัวกูจนปวดกระบาลหมดละ  กระดุมเสื้อก็หายชั่วโมงละเม็ดพรุ่งนี้กรูจะเป็นเอลวิสอยู่ละ  เหลืออีก 5วัน นี่กรูไม่ต้องใส่ผ้าเตี้ยวฝึกเหรอว่ะ กรูจะบ้าาาาาาาาาาาาา....(อย่าห่วงๆใกล้แถวนั้นจะมีร้านขายอุปกรณ์อยู่ใกล้ๆแต่รับเงินสดเท่านั้น) 


 เอาละถ้าฝึกอยู่ที่ ศูนย์เรื่องพวกนี้ไม่ลำบากเท่าไรหรอกแต่มันน่าลำคาญมากๆ เอาละมาดูทีละไอเท็ม ดีกว่า
มาดูที่ละชิ้น

 หมวก 
                 ตามแบบ มีแบบเดียว(ยกเว้นปี4-5)คือหมวกเบเร่สีเขียว แบบนี้ 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่กลางหมวกนั้นแหละ)
หวกนั้นทำด้วยผ้าสักหลาด สีเขี่ยวอ่อน นุ่มและโปรง เนื้อผ้าด้านในจะมีหรือไม่มีแล้วแต่ผู้ผลิต แต่ส่วนใหญ่เป็นสีดำ หลายคนอาจจะไปซื้อมาเอง และบางคริ้งเนื้อผ้าก็ไม่ใช่ตามรูป เป็นเนื้อผ้าแบบแบบแข็งๆ(หมวกแบเร่สีแดงของลูกเสือ) ผ้าแบบนั้นผมเองเคยใช้ตอน ปี1 ร้อนมากๆ เหงื่อแทบไม่ระบายเลย แต่ทรงสวยแต่สีหมวกจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ(ถ้ายิ่งในกทม.)  ก็แบบผ้าสีเขียวอ่อนนุ่มๆนี้แหละ สบายหัวละ


เข็มขัดและหัวเข็มขัด 

           ส่วนหัวทำด้วยโลหะทองเหลืองส่วนสายทำด้วยเชือกถัก  เอาเป็นว่าถ้าท่านชอบแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าการทำงานของมัน มักจะแบบแบบกล่องไม้ขีดที่มีเขี้ยวและลูกกลิ้งล๊อค (เอาน่ะมันเหมือน) ส่วนใหญ่แบบนี้จะเป็นแบบขัด(คือจะต้องใช้สารขัดผิวโลหะเพื่อให้เงางามเมื่อใช้งาน) แบบชุบ(อันนี้ไม่ต้องขัด)เคลือบไม่มีเว้นแต่ไปชุบเคลือบกันเอง  เวลาไปซื้อผมแนะนำให้ลองดึงดูเลย(เทสกันกน้าร้านเลย) คือเอามาสอดประกอบกันเหมือนกับที่เราใส่ที่เอวแล้วดึงใช้แรงดึกให้มันหลุดออกจากกัน ถ้าแรงเรา(คือมีแรงอะ)ดึงไม่หลุดออกจากกันก็หายห่วง 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่ในรูปนั้นแหละ)


หัวเข็มขัดในรู้นี้คือแบบแพงน่ะครับ โดยเป็นแบบที่เรียกว่าเกี่ยว2ข้าง ไม่ต้องห่วงเรื่องเกี่ยวไม่อยู่ แบบนี้นิยมในชั้นปีที่4-5 จะมีทั้งแบบขัดและชุบ 

 สายเข็มขัดถ้าเป็นไปได้ซื้อเผื่อยาวๆหน่อยเพราะถ้าดันเป็นคนพอดีวื้อมาแล้วมาตัดกะว่าไอ้ส่วนปลายที่หุ้มทองเหลืองมันพอดีขอบเป๊ะ อย่า น่ะครับ เพราะเวลาใช้งานเราปรับด้านในส่วนที่เป็นเขี้ยวไม่ใช่ลูกกลิ้ง น่ะ  แถมส่วนใหญ่มักจะลืมขัดให้ส่วนปลายนี้ด้วย ขอแนะนำเลยครับขัดด้วย..

 รองเท้า 
 เรามักจะมองมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่มันสำคัยทันที่เมื่อ

  - พังตอนฝึก
  -โดนทำโทษเพราะไม่เงา
  -ร้อนอับเวลาอากาศอบอ้าว 
  -หนักเป็นตันเมื่อขาเริ่มหมดแรง
  -เป็นบ่อปลาเมื่อเปียกน้ำ
  -เคลื่อนที่ลำบากเมื่อต้องวิ่ง...

เอาละผมจะมาแนะนำทีละคู่ๆละกัน  

.คอมแบ็ต 

    เป็นที่นิยมมาก เป็นหนังทั้งหมด อันนี้ผมแนะนำว่าเพื่อความสะดวกของท่านซือแบบมีซิบเลย และเพื่อกันโง่ เวลาใส่ปรับสายรองเท้าครั้งแรกพอให้พอดีกับเท้าและข้อเท้าเรา แล้วถอด+ใส่ไม่ต้องไปยุ่งกะสายรองเท้าละ รูดซิบเอา ไม่ต้องรื้อสายรองเท้าทุกครั้ง และหนัง หรือผิวของรองเท้านั้น ควรเรียบมัน(แหมไม่ได้ขัด ) และลื่น เพราะสมัยนี้ดันมีผลิตนำหนังห่วยๆมาทำรองเท้า(ไอ้ที่ผิวไม่เรียบเป็นขุยง่ายนั้นไง)เพราะผิวหนังรองเท่ามันจะไปไวมาก(จนน่าตกใจ) ต่อมาคือพื้นรองเท้า แนะนำเลยไม่สนน่ะว่าลายแบบไหน เอาแบบที่เย็บมาแล้วชังร์ที่สุด เพราะคอมแบ็ต นั้นส่วนใหญ่ที่ผมเห็นพื้นและตัวมันจะแยกกันบ่อยมาก 
การดูแลต้องขักทั้งหมดส่วนหัวเงามากหน่อย  เอาไปผึ่งแดดไล่กลิ่นบ้างก้ดี รองเท้าแบบนี้ถ้าซื้อมาแรกๆจะรู้สึกว่ามันแข็งๆเข้าเท้าขยับลำบาก ครูฝึกจะแนะนำให้ขัดบ่อยๆ แต่ผมแนะนำให้ใส่บ่อยๆ(เท่าที่จะทำได้)เพื่อให้หนังมันนุ่มขึ้น 


        .จังเิกิ๊ล 
  เป็นรองเท้าทีผมรู้คือถือกำเนิดจากป่าเขตร้อนชื้นในสมัยสงครามเวียตนาม เป็นผ้าช่วงข้อเท้าและเป็นหนังช่วงล่าง

   


เคริดิตภาพจำไม่ได้ขออภัย

จังเกิ๊ลนั้นโดยส่วนตัวผมชอบมาก จังเกิ๊ลในรูปนั้นเป็นแบบที่ ทบ.แจกอยู่พักนัง(ไม่รู้ว่ายังแจกแบบนี้อยู่ไหม) ใช้ทนทานและคล่องตัวมาก  ด้วยความที่เป็นผ้าจึงมีความยืดหยุดสูงและดูแลง่าย ผมเองนั้นเคยใช้แบบในรูป ตอนไปฝึกภาคสนามนั้นเวลาเดินขึ้นเ้ขาชนไก่ไม่ลำบากเท่าไรเพราะทางขึ้นจะเป็นหินมากกว่าดินเรียบๆ  ถ้าเวลาเปียกน้ำรู้สึกอับชื้นน้อยกว่าคอมแบ็ต การเลือกซื้อ ถ้าหาได้หาแบบในรูปไม่ได้ส่งเสริมการขายน่ะ นั้นเพราะราคากับความคงทนมันคุ้ม งั้นมาดูกัน
  ผ้า่ นั้นเลือกที่แข็งเป็นทรงไม่ยับง่ายๆหรือเนื้อผ้าที่นิ่มเกินไปเพราะมันจะไม่กระชับเมื่อมัดสายรองเท้าแล้ว 
  หนัง  ก้เลือกไม่ต่างจากคอมแบ็ตเท่าไรนัก 
 พื้น ควรเลือบแบบดอกยางใหญ่ๆ ลายลึกเพราะแบบนี้พื้นมันแน่นมาก ต่างกับแบบที่พื้นที่เป็นลายเล็กๆ มันถ้าไม่เย็บหลุดแน่ๆ 

ส่วนนี้คือแบบผ้าสีเขียวปัจจุบัน ในระเบียบไม่ให้ใช้แล้วแต่ถ้าจะใช้ง่ายๆ เอากีวี ทาแล้วเอาแปลกถูๆซ้ำ ดำถูกระเบียบแน่นอน

แต่สำหรับผม จังเกิ๊ลนั้นเหมาะกับการฝึก แต่ คอมแบ็ตเหมาะกับการใส่เพื่อความเท่ห์ 

และยังมีรองเท้าแบบใหม่ๆอีก



 แบ้ตเทิลบู๊ต/Tactical Boot

Tactical Boot นั้นก็พัฒนามาจากรองเท้า 2อย่างข้างบนนั้นแหละ แต่พัฒนาทั้งรูปร่างและวัสดุ มีมากมายหลายยี่ห้อและราคา แต่ส่วนใหญ่แพงจ๊ะ  ของมาจากจีนก็800-1500 บาท ขึ้นไป

รองเท้าพวกนี้นั้น ผมใส่แล้วสบายเท้ามากมันนิ่มและระบายความอับชื้นได้ดีแถมใส่วิ่งแลัวเหมือนใส่ผ้าใบมากกว่าคอมแบ็ต แต่การใส่ไปเรียนนั้น ห็แนะนำว่าเอาที่คล้ายๆจังเกิ๊ลจะดี่ี่สุด(คือช่วงล่างมีหนังเยอะหน่อยอย่ามีลวดลายเยอะนัก2แบบแรกตามรูปอะ)  และมันมีหลายสี แต่ให้เป็นสีดำ 

อันนี้เท่ห์แต่สีนี้ผิดระเบียบน่ะจ๊ะ 
เครติดตามรูป


 มันคือ ห่วงข้อเท้าหรือซิ้ง  อันนี้มองไม่ค่อยเห็นแต่ใส่แล้วดูดี 
        
           มันเอาไว้ถ่วงขากางเกงเพื่อให้เวลาที่เรารัดท๊อป(คือการนำขากางเกงยัดเข้าไปในร้องเท้า)ขอบขากางเกงจะดิ่งตรงเป็นที่สวยงาม แต่ไปภาคสนามไม่ต้องเอาไปน่ะ โดยจะมี2แบบคือ
ซิ้งเหล็ก

ซิ้งผ้า
(เครติดภาพทั้งสองอยุ่ในภาพ)



มาดูทีละแบบ 
                 แบบเหล็กใช้งานง่ายไม่ต้องอะไรกับมันมาก แต่ถ้าไม่เอาอะไรพันทับไว้เวลาแดดร้อนท่านจะรู้สึกว่าใครเอาอะไรร้อนๆมาพันข้อเท้าท่านไว้  
                แบบผ้าใช้งานลำบากกว่า โดยการใส่นั้นบางครั้งต้องใส่ทางเป้ากางเกง!! อันนี้งงอะดิ เอาเป็นว่าไปเรียนแล้วจะรู้เอง อิอิ แบบนั้ใช้งานยากกว่าแต่ถ้าใส่เข้าไปแล้วจะเบ่งตัวออกตามความกว้างของขากางเกงดูดีทีเดียวละ  เมื่อโดนแดดนานๆจะไม่ร้อน 

        จะใช้แบบในตามความชอบใจละกัน 

เสื้อ และ กางเกง
                                                      

ตามระเบียบเลยครับหาซื้อง่ายมากไม่ต้องสั่งตัด มาแบบเสื้อพร้อมกางเกง สามารถไปลองได้ที่ร้าน(จัตตุจัก หลังกระทรวง ใน นสร.)แต่หากว่าซื้อมาแล้วทรงไม่ใช่ ก็เอาไปแก้ดีกว่า เนื้อผ้านั้นจะเป็นลายก้างปลาที่ออกแบบมานานแล้วโดยกองทัพ สหรัฐ ที่เมื่อมาเจอยุ่งในเขตร้อนจนต้องออกแบบลายและเนื้ือผ้าที่ยุงกัดไม่เข้า และเป็นตามระแบบของ นสร.ในปัจจุบัน คือถ้ามัรซีดมันจออกเขียวอยู่ดี แต่ถ้าเป็นผ้าอีกแบบ(แบบมหาดเล็ก)เวลาซีดจะออกสีฟ้านิดๆ  
    ตัวเสื้อนั้น มีแต่กระเป๋าส่วนบนบ่าไม่มีอินธนู และไม่มีประเป๋าส่วนล่าง
   กางเกง ไม่มีกระเป๋าข้าง มีแต่กระเป๋า ปกติ (ก็แบบปกติไง)

 แต่เมื่อไปฝึกภาคสนามลืมไอ้ระเบียบข้างไปส่ะ เอาแค่เป็นชุดฝึกสีเขียวและเป็นทรงชุดสนามเพราะ นี้มันภาคสนาม!!

 เสื้อยืดซับใน  
เป็นหนึ่งในอุปกรณืที่รู้จักกันดีเพราะวันหนึ่งจะเห็นไม่ตำ่กว่า1-3ครั้ง ไปในที่ต่างๆ  รูปทรงมันก็คือเสื้อยืดธรรมดานี้แหละ สีก็ คือสีเขียวขี้ม้า หรือเขียวทบ. ไม่ว่าโลโก้ อะไรอยู่บนนั้น ถ้ามันคือสีเขียวมันก็ใช้ได้ ส่วนเนื้อผ้า ผมชอบผ้าฝ้าย 100% หาค่อนค้างยาก เพราะส่วยใหญ่จะเป็ย ไนล๊อน สะมากกว่า ถ้าใส่ผ้าฝ้าย เวลาถอด ถอดเสื้อฝึกออกมันจะเย็นมากๆ  เพราะเสื้อมันดูดเหงื่อหมด ถ้าเป็นโพลีเอ็สเตอร์ หรือไนล๊อน มันก็ยังจึี๊งหนืดๆอยู่ 


                  ส่วนอุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋า นั้น มันก็อีกน่ะ ในนสร.ไม่ว่ากระเป๋าแบบไหนให้ถือเอาครับ ห้ามสะพายทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น สะพานเฉียง  สะพายหลัง  งด จะให้ดีเอาแบบกระเป๋าที่สายเฉียงแต่มีมีหูหิ้วจะดีกว่า แล้ว รด.ยังมีกระเป๋าถือแบบผมขอเรียกแบบกระเป๋าป๋า ละกันจะมีโลโก้ นสร.อยู่  หรือบางคนก็ถือตำราไป ก็มี

           จะยังก็แล้วแต่ครับ การแต่งกายนั้นมันเป็นสื่อแสดงความเป็นตัวเราได้้ดี เพราะคนที่ไม่รู้จักเรามักจะจากการแต่งกาย ของเรา เมื่อเลิกจะเรียน รด.แล้วถ้ายังไม่ถึงบ้าน ก็ใส่ทุกอย่างให้มันเรียบร้อยเถอะครับ การที่เราสามารถรักษาตัวเองให้อยู่ในเครื่องแบบอย่างมีระเบียบได้นั้น ไม่ว่าเราจะทำอะำไรเราก็เป็นคนที่มีวินัย ไปในตัว มันคือสิ่งที่เรียกว่า เกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ใครก็เอาของเราไปไม่ได้   

         แล้วจะมาต่อกันในภาค 3 น่ะครับ 


3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 พฤษภาคม 2554 เวลา 00:26

    แนะนำให้ไหาอ่านได้จาก a day ปกจิ๊ป รด

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. แล้วถ้าหาอ่านไม่ได้ละ จะต้องหาอ่านจาก จิ๊ป ปก ฉัตร อะเปล่า..555+

    ตอบลบ