จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด.ภาค 1

               


 เอาละ ตอนนี้น้องๆมัธยมใกล้จะเปิดเทิอมกันแล้ว และกำลังจะได้เจอเพื่อนๆทั้งชอบและไม่ชอบหน้ามัน 55+สำหรับน้องที่ กำลังขึ้นศึกษาชั้นม.4 และ ปวช.ปี1หลายๆคนคงจะทราบมาพอสมควรแล้วว่า ถึงเวลาที่สามารถเรียน วิชาทหารได้แล้ว โดนเราเรียกว่า นักศึกษาวิชาทหารเรียกย่อๆว่า นศท. เรื่องการคัดกรองการทดสอบต่างร่างกายและจิตใจต่างๆช่างมันเถอะ เอาเป็ว่ามาสอบก็ผ่่านแล้ว(เพื่อนผมน้ำหนัก90กว่ายังเรียนได้เลย เอาน่ะใจรักสะอย่างอย่าไปเครียด) แต่ขอทำความเข้าใจก่อนแล้วกันว่าเรียนไปเพื่อ?และได้อะไร?
    โดยว่าไว้แบบนี้
                     นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) คือ บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างเข้ารับการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 หรือ เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า รด. เป็นกำลังสำรองของกองทัพไทยภายใต้การควบคุมของ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
เพิ่มเตอมที่ http://th.wikipedia.org/wiki/นักศึกษาวิชาทหาร

ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียน วิชาทหาร
1.หลายคนยังดักดานอยู่กับคำว่าเรียนร.ด.แล้วไม่ต้องเป็นทหาร.....ใช่ท่านไม่ต้องเป็นทหารแต่หมายถึงทหารเกนฑ์น่ะ แต่เมื่อท่านเรื่อนร.ด.ตั้งแต่ปีที่1.จนถึงปีที่3 นั้นคือท่านกำลังเรียนการเป็นทหาร เพื่อจะได้่รับราชการ 1วัน(ตั้ง1วันน่ะเว้ย)แล้วปลดประจำการตามกฏหมายที่ชายไทยทุกคนต้องได้รับการคัดเลือกเป็นทหาร คือถ้าคนไม่ได้เรียนร.ด.ต้องไป คัดเลือกตรวจร่างกาย จับใบดำใบแดง เมื่อ21ปีบริบูณร์ เท่ากับผ่านการเกณฑ์ทหาร ถ้าดวงดีท่านจะได้รับใช้ชาติตามระเบียบกองทัพ แต่ถ้าโชคร้ายท่านจะได้รับเกียรติ์แค่กองเกิน....

2.การเรียนร.ด.ถือว่าท่านคือผู้เสียสละ เวลาอันเป็นส่วนตัวของท่านเพื่อรับใช้ชาติ(ดูดีไหม) นั้นคือถ้าเป็นทหารเกณฑ์นั้นต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงดูและฝึก(ค่าปัจจัย4ค่ากระสุนและอื่นอีกมากมาย)เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ ได้ แต่การฝึก นศท.นั้นกองทัพจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ถือว่าสามารถนำไปปฏิบัติหน้าที่ในยามสงครามเช่นเดียวกัน

3.เมื่อเรียนจบชั้นปีที่3แล้วท่านจะเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็น สิบเอก งงดิไรว่ะไหนให้กรู สิบเอกไง) นั้นคือท่านเรียนและปลดประจำการไปแล้ว จนกว่าท่านนำใบสุทธิการเรียนจบชั้นปีที่3และใบจบหลักสูตรชั้น มัธยมตอนปลายปีที่6และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ไปยื่นเพื่อขอแต่งตั้งยศสิบเอก โดยจะต้องนำ 

1.สำเนาสมุด สด.8
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.สำเนาวุฒิการศึกษา มัธยมปลาย, ปวส, ปวช, อนุปริญญา หรือ ป.ตรี ตามวุฒิที่สำเร็จ ณ ปัจจุบัน
5.สำเนาคำสั่งแต่งตั้งยศ ครั้งสุดท้าย (คำสั่ง สิบเอก - คำสั่ง จ่าสิบเอก)
6.ใบเปลี่ยนชื่อ (หากได้ทำการเปลี่ยนชื่อให้นำใบนี้มาด้วย)
7.สำเนา ใบจบปี 3 หรือ ใบรับรองปี 3

    ทั้งหมด2ชุด 

ให้นำไปดำเนินการด้วยตัวเอง ที่ จังหวัดทหารบก ทีีได้ศึกษาและรับการฝึกมา  


แต่ขอบอกไว้ก่อนน่ะถ้าต่อไปคิดจะทำอะไรเกี่ยวกับการกู้เงินละก็ผ่านยากหน่อยน่ะ ..

4.และเมื่อท่านกระทำตามข้อข้างบนเส็จแล้วเมื่อไดัรับยศ สมใจแล้วจะต้องไปรายงานตัวณ มลฑลทหารบกที่ขึ้นตรงทันที สิ่งที่ตามมาคือหมายเรียกตรวจพล เพื่อฝึกความพร้อมมี4แบบ
 -การเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหารตามระบบ1:1:1:3 กำหนด 30 วัน
 -การเรียกผลเพื่อฝึกวิชาหทารตามระบบอาสาสมัคร
-การเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร กำหนด 30 วัน (มันน่ะครับ)
-การเรียกพลเพื่อตรวจสอบความพร้อม 1 วัน
ไปให้ตรงเวลา นัดและกันถ้าไปไม่ได้ต้องส่ง หนังสือชี้แจงล่วงหน้าน่ะครับ เมื่อเส็จสิ้นแล้วท่านจะได้รับบัตรประจำตัวทหารกองหนุนสีเขียวไว้เป็นที่ระลึก

  ในประเทศของเรานั้นกำลังสำรองยังไม่มีบทบาทมากเมื่อเทียบประเทศมีกำลังสำรองที่พร้อมรบแบบเดินช๊อปปิ้งอยู่ แล้วเมื่อเกิดสงครามจับปืนยิงได้เลย จะขอยกตัวอย่าง

 อิสราเอล เป็นประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่(โดยส่วนตัวม่ะค่อยชอบหรอก) โดยเกิดจากการตั้งอาณานิคมของชาวยิว เมื่อ สหภาพโซเวียต ล่มสลายไป และชาวยิวรวมตัวกันจะสามารถ ตั้งถิ่นฐานและเบียดผู้ตั้งรกรากเดิม อย่างชาวปาเลสไตย์ ออกไป จึงทำให้ประเทศนี้ ต้องค่อยระวังตัว แบบ วินาทีต่อวินาที หลังจากที่โดนเพื่อบ้านอย่าง ซีเรีย อียิปต์ เลบานอน และชาวอาหรับ (ทั้งหมดนั้นแหละ) แถบปัจจุบันนี้ยังมีบางประเทศไม่รับรอง อิสราเอล เป็นประเทศด้วยซ้ำ จึง ทำให้อิสราเอล ต้องใช้ประชาชนทุกคนเป็นกำลังทหารทั้งหมด นั้นเท่ากับว่า ไม่ว่า ชายหรือ หญิง ชาวยิวจะต้องเป็นทหาร และเมื่อปลดประจำการและ ....

ทาการอิสราเอล จะมอบอาวุธปืน(สงคราม)ให้แก่ผู้ที่ผ่านการเกฑณ์ ทหารแล้วกลับไปเพื่อพร้อมใช้งานทันที่เมื่อมีเหตุ.... จึเรียบแบบนี้ว่า กำลังสำรองพร้อมรบ 100 % 

        และยังมีประเทศที่เป็นกลางตลอดไม่ว่าสงครามไหนคือ สวิสเซอร์แลนด์ ที่ จะแจกปืน (อาวุธสงคราม)ให้แก่ผู้ที่ผ่านการเกฑณ์ทหารแล้ว กลับไปไว้ที่บ้านพร้อมกระสุน 1กล่องที่เขียนเอาไว้ว่า "ใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น"(มั้ง) 

      แล้วกำลังสำรอง ประเทศไทยละ ท่านมีโอกาศรับราชการได้เมื่อมีคุณวุึติ ต่างๆพร้อมโดยทาง นสร.จะมีการเปิดสอบอยู่แล้ว(ไม่รู้ไดดูเองที่ http://www.tdd.mi.th/)   

 บ้างคนเคยถามผมว่าเรียนไปถึงปี4-5แล้วได้อะไรนากจากว่าที่.... เป็นคำถามที่มักจะคุยกันบ่อยๆ บ้างครั้งก็มี บางคนบอกว่าจะไปสู้นักเรียนนายร้อยได้อย่างไรเรียนไปเอาเทห์ไปงั้นแหละ(อืมก็ก็น่านอ้ยใจน่ะ) แต่ผมไม่คิดแบบนั้นน่ะ ถ้าเปรียบเทียบกัน ระหว่างทหารประจำการกับ กองหนุนก็คือ

 ยามปิกติ
กำลังประจำการ
ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ถ้าไม่ได้ออกงานสนาม(ภาคใต้ หรือชายแดน)ก็ อยู่กองร้อยฝึกทหารใหม่ พัฒนาโนน่นี้นั้น ฝึกตามวงรอบ เสี่ยงค่าตอบแทนน้อย เสียสละเพื่อคนส่วนหลัง นี้คือทหาร มีค่าตอบแทน(พ่อผมให้เรียบแบบนั้นจริงๆ)เป็นเงินเดือน มีสวัสดิการณ์ รักษาฟรี ลูกเรียนฟรีจนอายุ24 ปี มีบำนาน มีค่าตอบแทนและค่าดูแลเลี้ยงดูครอบครัวเมื่อเสียชีวิต 
กำลังสำรอง
ทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานเอกชนบ้าง รัฐวิสาหกิจบ้าง ครู หมอ พยาลบาล(จริงๆน่ะ) ช่าง วิศวกร ก็อเกือบทุกอาชืพ บางสายอาชีพเสียสละมากๆ เช่นพยาบาลของรัฐ ครู(ในภาคใต้เสี่ยงและเป็นเป้ามากกว่าทหารอีก)  นี้คือคนธรรมดา ค่าครองชีพมีหลายแบบ ทั้งรายเดือน รายวัน รายสัปดาห์ เสียภาษี

ยามสงคราม
กำลังประจำการ
 นำกำลังประชิดพื้นที่สงครามทันที่เมื่อได้รับคำส่งและทำการรบโดยตรงกับข้าศึก บาดเจ็บ เสียชีวิต พิการ
และเมื่อเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ มีธงชาตฺคลุมเพื่อให้เกียรติ์ สวัสดิ์การถ้า พิการ บางคนยังสามารับราชการต่อได้ ถ้าอายุราชการได้ มีบำนานเลี้ยง
กำลังสำรอง
โดนเรียกพล ลางานตามกฎหมาย ในสภาวะสงคราม(เมื่อกองทัพเห็นว่ากำลังหลังไม่เพียงพอต่อการรบแบบแตกหัก) เข้าปฏิบัตรหน้าที่ตามกรม -กอง ที่สังกัด ทำการรบตามการหมอบหมายภาระกิจ ไม่เท่ากำลังหลักอาจเป็นการรักษาพื้นที่หรือสนับสนุนการรบ บาดเจ็บ ตาย สวัสดิ์การพอสมควร และธงชาติคลุม  ถ้าพิการยังก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเองให้ได้  งานเก่าอาาจจะไม่รับ ตำแหน่งงานอาจมีคนอื่นมาทำ คือเสียงานเก่าไป(ใช้อยู่ที่กฎหมายเขียนให้คลุมครองแต่ความเป็นจริงไม่มี บ. ไหนปล่อยตำแหน่งให้ว่างๆหรอก)

  จะเห็นว่าถ้าเมื่อสงครามจบ ชีวิต กำลังสำรอง เปลี่ยนจากเดิมมากกว่ากำลังหลักเสียอีก ในสงครามกระสุนข้าศึกไม่เลือก ว่าคนไหนเป็น กำลังหลักหรือกำลังสำรอง มีโอกาศ เจ็บตาย เหมือนๆกัน กำลังสำรองจับปืนเมื่อสงครามมา ถึง
   ผมอยากให้คนที่มักจะดูถูก ร.ด.ไม่ว่าชั้นปีไหนว่า"ทำไมไม่เป็นทหารจริงๆไปเลยว่ะ" หรือ"ไม่มีปัญญาสอบทหารได้" อยากให้คิดว่า ถ้าเป็นทหารกันหมด ไม่มีสายอาชีพอื่นเลยประเทศจะขับเคลื่อนอย่างไร เราเป็นทหารโดยที่กองทัพไม่ต้องเสียค่าเลี้ยงดูเราด้วยซ้ำ และเราจ่ายภาษีเพื่อบำรุงประเทศชาติ และเมื่อประเทศชาติต้องการให้เราไปรบ ผมเชื่อว่า พี่ๆน้องๆ หลายคนที่มีหรือไม่มีคำว่า " ว่าที่"นำหน้าที่เคยใช้คำนำหน้าชื่อว่า"นักศึกษาวิชาทหาร" คงพร้อมที่จะเสียสละอยู่แล้ว เพียงแต่โอกาศมันมาไม่ถึง  คนที่คอยดูถูกกำลังสำรองต่างๆนาๆ คุณคือคนที่ใจแคบมากๆ

 สวัสดีครับ 








อ้างอิง
http://board.nstcr.com/index.php?topic=179.0

1 ความคิดเห็น: