จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด. ภาค3 ภาคสนาม





     มาต่อกันดีกว่าครับ  ตั้งแต่ ปี 1 ถึง ปี5 ตอนปีหนึ่งไม่รู้ว่าผมโชคดี หรือโชคร้า้ยเพราะเป็นรุ่นทดลองเปลี่ยนจากเรียนรายสัปดาห์มาเข้าค่ายทีเดียว 12 วัน (เขาชนไก่ปี3 5วันเองน่ะ คิดเอาละกันว่าผมต้องพจญภัยกับอุปกรณ์ที่เหมือนจะใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งอย่าไร) แล้วปี2 ก็ดันเป็นปีมีงบเยอะ แต่ตอนนั้นเปลี่ยน รร.แล้ว ได้เข้าค่าย 3วัน ปี 3 5วัน ปี4 จำไม่ได้ 5-6 (ปี4จะเรียนตามหลักสูตรสงครามนอกแบบโหดครับใครผ่านปี4ไปได้ ปี5สบ๊ายๆ)วันนี้แหละ ส่วนปี5 7 วัน(มั้งทำไมกุจำมะำได้ว่ะ)

     การเข้าค่ายฝึกนี้ในปี3ปัจจุบันจะแยกกันไปตาม จทบ.ต่าง จะไม่มารวมกันที่เขาชนไก่ทั้งหมด การเข้าค่าย 5วันอาจจะดูนานไป แต่มันจะนานมากๆ เมื่ออุปกรณ์ของท่านมัน ชำรุด(เน่า) นั้นเอง หรือใช้งานไม่ได้อย่างที่มันควร...เมื่อเรียนจบ ปี3 ถ้าใครเรียนต่ออาจจะนำมาใช้อีกแต่สำหรับ อุปกรณ์ที่ใช้งานไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ(เฮ้อๆๆ อย่าเลย)ก็เปลี่ยนมันเถอะหรือถ้าไม่จำเป็นก็บริจากไปเถอะ เพราะปี4และปี5  อุปกรณ์มันจำเป็นจริงๆ

 เอามาถึงอุปกรณ์ที่ติดมาจาก ภาคที่แล้วก่อน

. หมวก..ถ้าใส่เรียนทุกอาทิตย์ได้ก็ไม่ปัญหาใส่มาภาคสนามไม่หายก็โอเค(มันขายข้างๆค่ายพัก)

    เสื้อซัพใน ถุงเท้า กางเกงใน ..เตรียมมาให้ครบได้ยิ่งดี วันละตัว อย่าไปเชื่อไอ้ความเชื่อที่ว่า กางเกงในกลับด้านเอาอะลืมๆมันไปเถอะสงสารตัวเองบ้างครับอวัยวะส่วนนั้นมันอาจจะได้ของแถมกลับไป  ส่วนถุงเท้าก็สงสารตัวเองบ้างคิดเอาละกันวันที่ต้องเดินทางไกลเข้าป่า ถุงเท้าเน่าๆชื้นๆแฉะๆ สิ่งที่ตามมาคือเท้าเปื่อย และ เชื้อรา กับ ทัวร์ฟรีฮ่องกง อาจจะตามมา ใส่ถุงเท้าใหม่ๆทุกวันช่วยได้  เสื้อซัพในยืมได้ยืมไม่มีเอาสีโทนเข็มๆ ดำ เทา เขียว(เข็มๆ) ไอ้สีเปร๊นๆ อย่าเลย อาจจะไปโดนใจครูฝึกอยากส่งให้เราออกกำลังกายเอา
 
   ชุดฝึก อย่างที่บอก ..2ชุดเป็นอย่างน้อย ถ้า กางเกงใน ถุงเท้า เสื้อซัพในครบ ก็ เอาใว้ใส่กลับบ้าน 1ชุด แต่ถ้าชัวร์ว่ามีคนมารอรับถึงที่ไม่ต้องกลับเทคซี่หรือรถเมล์ ชุดเดี่ยวก็ได้ต้องใจถึงมากๆ(เพราะมันเป็นอย่างเดียวที่ไม่มีขาย,หาเก็บไม่ได้และ.ไม่ใครบริจากนั้นเอง เตรียมไป 2ชุดเป็นอย่างน้อย ถ้าปี 4-5 ชุดเดียวบางครั้งท่านอาจจะได้ใส่กางเกงรด.ขาสั้นฝึกต่ออีก 4-5วัน  เพราะ ปี4ครูฝึก เป็นเบร์เร่แดง(รบพิเศษ)น่ะครับ(โหดน่ะมึง) ถ้าเสื้อมีน้อยกางเกงเอาไปเยอะกว่าก็ได้ไม่ต้องครบชุดหรอก และมันจะมีออฟชั่นอะไรมากมายช่างมันเอาไปให้พอ

   รองเท้า อย่างที่บอกไว้ตอนภาค 2 เลือกที่ดีๆหน่อยครับ ผมไม่แน่ใจว่าที่เขาชนไก่หรือสนามฝึกยังมีร้านซ่อมรองเท้าเคลื่อนที่อยู่ไหม เพราะถ้าไม่มีก็....นึกเอาละกันว่าเดินทางไกลคนอื่นเดินชิวๆ แล้วทำไมที่เท้ากรูมีเป็ดว่ะ...T_T .. รองเท้าเป็นไปได้เลือกดีๆไปเลย เพราะเรียน ที่ศูนย์ฝึก อาทิตย์ละวันไม่ได้บงบอกหรอกว่ารองเท้าของท่านมันจะคงกระพันแค่ไหน 
  
    ส่วนของอื่นอย่างเข็มขัด ก็ดูที่ ภาค 2 
    ที่นี้มาดู ไอเท็มที่จำเป็นต้องเอาไปฝึกดีกว่า ..


 เป้สนาม ไอ้นี้เป็นอุปกรณ์ที่หาง่ายมาเดี้ยวนี้ ที่เราๆเห็นกันอยู่แบบนี้เรียกว่าแบบ ตชด. มีกระเป๋านอก 2อัน และมีประเป๋าช่องเดียวตรงกลาง กระเป๋ารุ่นนี้มีหลายเจ้าที่ผลิตอยู่ ให้ดูรอยเย็บดีๆ และ ตัวปรับสาย ถ้าล๊อกแล้วเอามือดึงไม่หลุดก็ใช้ได้ ถ้าเรียนแค้ปี3 ไอ้เหล็กรองหลังไม่จำเป็น เพราะตอนเดินทางไกลเอาไปไม่เยอะ กระเป๋าเล็กแนะให้ใส่ของที่ต้องใช่บ่อยๆ เช่นชุดอาบน้ำ หรือบางคนเอาใส่ห่อไว้ก็ได้อย่างมั่นใจว่าวางไว้ในเต้นแล้วจะปลอดภัย ทาง นสร.ให้ใช้เป้สนามแบบนี้ และยังมีอีกแบบคือแบบ US ที่มีกระเป๋า 3ช่อง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มี คุณพ่อเป็นทหารที่สามรถยืมได้ แต่ใช้แบบ ตชด.อะหาง่ายสุดแล้ว และราคาไม่แพง ส่วนแบบอื่นๆที่มีขายนั้นผมไม่แน่ใจว่า ทาง นสร.อณุญาติรึเปล่า แต่ที่แน่ใช้2แบบนี้ไม่มีปัญหา
เป้สนามแบบ ตชด.


เป้สนามแบบ US 
ที่มาhttp://www.weekendhobby.com/thai2market/Question.asp?ID=10001&group=military

เหล็กรองหลัง
ที่มาhttp://www.thaiscooter.com/forums/showthread.php?t=541308

                  อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย... อาทิเช่นสบู่ แปรงสีฟัน ยาสระผม Whatever  ตามแต่จะนึกออกส่วนใหญ่ทาง โรงเรียนจะมีใบแผนที่มาให้แล้วว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้างแต่ บอกแล้วไงผมเอาที่รายละเอียดมันดีกว่า อย่างยาสระผม มันก็เขียนแค่ว่ายาสระผม พ่อแม่บางคนกล้วชายน้อยขาลแคลนเล่นเอามาแบบ กระปุ๊กเบอเหร่อ ใช้กันทั่งกองพันยังเหลืออันนี้ก็ไม่ไหว แต่ตอนผมไปผมมีวิธีง่ายๆ คือระบบรวมนา 555+ คือของอย่าง 
              ยาสระผม  ยาสีฟัน มันต่างคนต่างใช้ได้ก็รวมเงินกันซื้อแล้วแต่งตั้งคนดูแลพออาบน้ำก็เอาไปตั้ง ใครอาบคนสุดท้ายในกลุ่มก้เอากลับ แต่บางทีมีคนแจมก็ไม่ได้ว่าอะไรใช้ไม้หมดอยู่แล้ว แถมไม่กะเอากลับด้วย  แต่ของอย่างสบู่มักจะพบอยู่ในถังขยะบ่อยๆเมื่อเส็จสิ้นการฝึก แต่1ก้อนสามรถตักแบ่งกันได้ 2-3คน ที่แน่ๆแปรงสีฟันของใครของมันแน่นอน ใครที่พยามยามใช้อุปกรณ์อย่างอื่นแทนการอาบน้ำผมว่าอาบได้อาบเถอะ เพราะท่านจะได้พักผ่อนนอนหลับได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าปี4 ได้อาบน้ำ 2ครั้งคือก่อนเข้าป่า และก่อนกลับ การอาบน้ำแห้งก็โอเค สำหรับ เจล-โฟม-สบู่ล้างหน้า เอามาได้ก็เอามาเถอะ แต่ถ้าไม่เอาแบบหลอดเล็กมาก็เอามากะว่าใช้หมด เพราะท่านจะมีเพื่อนฝูงรักมากเป็นพิเศษ 
             ของอย่างสารดับกลิ่นกายทั้งแบบกลิ้ง ทา พ่น จำเป็นไหม..ตอนกลับจำเป็นครับสำหรับสิ่งที่เรียกว่ามนุษยธรรม เดี๊ยวจะมีคนบอกว่าทหารรังแกประชาชน(ด้วยกลิ่น) แต่ตอนฝึกไม่ต้องหรอก หอมอยู่คนเดียวคนอื่นเน่าหมด็ไม่ประโชนย์หรอก หมากฝรั่งดับกลิ่นปาก อ้าา...ต้องครับแต่มีขาย คลีมกันแดด เอา ค่า SPF สูงๆไปเลยเอามาค่าต่ำไม่ช่วยอะไรมาหรอก เอาไปไม่เสียหายอะไรน่ะฮ๊าฟ  ครีมบำรุงผิวจำเป็นโคตรสำหรับใครที่ได้ไปผลัดช่วงหน้าหนาวคันหน้าทรมานน่ะเอาไปกันหน้าแตกดีกว่าสำหรับคนผิวแห้งเอาไปแบบเป็นซองๆ ลิปฯมัน ใช้งานเหมือนครีมบำรุงผิวเวลาปากแห้งแตกนั้นก็น่ารำคาญเพราะสภาพอากาศนั้นคาดเดายาก สเปร์ดับกลิ่นเท้า ใครรู้ตัวก็เอาไปเถอะทรมาน คนในเต้นเดียวกันทำไม กย.15 ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นผมรู้ว่ามันเชยเดี๊ยวนี้มีมากมายไม่ใช้เฉพาะยี่ห้อกย.15 ก็เอาไปก็ดีครับเดี๊ยวได้มาลาเรียกลับมา  ผ้าขุนหนู หรือ ผ้าขาวม้า เอาไปด้วยน่ะครับแต่อย่าเอาไปห่มแทนผ้าห่มมันไม่ช่วยให้อุ่นเพราะมันชื้อแล้วอากาศในป่าพอดึกๆมะนจะยิ่งชิ้นและหนาว เอาไปเช็ดตัวอย่างเดียวดีกว่า  
         ในปี 4นั้น จะให้เราอาบน้ำแค่2ครั้งมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ.ผมแนะนำว่าให้เอาแจลล้างมือแบบไม่ต้องล้างออกไง..เอาไปอาบแทนน้ำหรือเอาชุบผ้าขุนหนูเช็ดตัวก็ได้.


  ยาและเวชภัณฑ์   อืม.ที่สนามฝึกมีหมดครับ ไม่ต้องเอาไปแต่ ก็มีแต่ครับยาประจำตัวสำหรับผู้มีโรคประจำตัวเอาไปน่ะครับ  ส่วนยาบางตัวอย่างยาคลายกล้ามเนื้อ (กระซิบน่ะครับ)ซื้อที่ดีๆไปเถอะ บางคนเอาผ้ากีอตพวกที่พันกล้ามเนื้อ(กีฬาๆอะ)ไปด้วยก็ได้ ครับช่วยได้ เกลื่อแร่ เอาด้วยดีครับไม่ต้องเสียเงินซื้อสปอนเซอร์ เอาแบบที่มีรสชาติต่างๆ 


  เครื่องนอน หลายคนคงนึกถึงถุงนอน  อืมผมว่าดีครับที่เป็นม้วนๆผมเคยสบประมาทคนที่เอามาว่าเป็นลูกคุณหนูแต่เมื่อ อุณภูมิเหลือ 8องศาในป่า...อืมมม ชักอยากเป็นคุณหนูขึ้นมา แต่ถ้าท่านทนหนาวได้ผ้าห่ม ก็ได้แบบที่ไม่มีนวมอะ แต่ผมไม่เคยใช้ถุงนอน แต่เชื่อเถอะว่าถุงนอนดีสุดละเพราะมันเดาสภาพอากาสไม่ได้ ..เกินดีกว่าขาด หมอน ถ้าเป็นแบบยัดนุ่นอย่าเอาไปเลยเปลืองเนื้อที่กระเป๋า แต่ถ้าจะหิวไปก็ได้ เออแต่ผมว่าหมอนเป่าลมโอเคเลยครับ ใ้ช้เส็จปล่อยลม จะใช้ก็เป่าลม พกพาสดวก อีกอย่างถ้าใครคิดจะเอาที่อุตหูไปเพื่อที่จะได้หลับอย่างเป็นสุขต้องแน่ใจว่าเพื่อนร่วมเต้นมันจะไม่ทรยศเราน่ะครับ ผ้าปูรองนอน คนละผืนเอาไปเลยครับ ช่วยได้เยอะ
ถุงนอนเมื่อม้วนเก็บแล้ว
ที่มาhttp://www.tarad.com/ladybugcamping/product.php?cat=154725&lang=th
ถุงนอน
ที่มาhttp://www.iamyoungdee.com/webboard3.php?id=118&p=1


 กระติกน้ำ.เป้น้ำ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณืที่โคตรจำเป็นและต้องมีเพียงพอบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะหาแหล่งน้ำได้ง่ายๆ(เวลาเดินทางไกลจะตายเอาถ้าน้ำไม่ค่อยจะขอคนอื่นอะลำบาก ) และบ้างครั้งก็น่าลำคาญมากๆ โดบเฉพาะถ้ามัน ซึมออกมาจะเปี้ยกกางเกงที่เราเห็นบ่อยๆมันคือรุ่น1 ลิตร 

รุ่น1ลิตร
ที่มาhttp://www.e-travelmart.com/accessories_01_09_02.html
  ถ้าเป็นขงดั้งเดิมแท้จากUSเลยนี้มันจะไม่ปัยหาการรั่วซึมเลยแต่ที่เราหาซื้อได้มันดัน ซึ่มแน่ๆ บางคนแก้ปัญหาด้วยการใช้เศาถุงพสาติกหุ้มก่อนปิด และให้ตายสิบางครั้งมันก็น่าลำคาญมากๆเวลามันเลื่อนไปหน้าทีหลังที เพราะไม่ได้ปรับเข็มขัด (เดียวมาว่ากัน) วิธีแก้ใขน้ำรั่วซึ่มคือถ้ามีแผ่นยางบางให้ตักแบบพอดีความกว้างด้านในของฝาปิด(เป็นแผ่นกลมๆ)แล้วยัดให้แน่นหน่อยก็ใช้ได้ถ้าไม่ชัวร์ติดกาวตราช้างไปเลยแล้วเทสเอามือคว่ำกระติกลงแล้วบีบเลย ถ้าไม่มีรั่งใช้ได้ ออฟชั่นของรุ่นที่มีซองพร้องแผ่นเหล็กคาดเข็มขัดคือแก้วน้ำทรงแปลกๆ(น้าจะเรียกหม้อมากกว่า) 

         แต่เดียวนี้มันมีสะดวกกว่ากระติกน้ำคือเป้น้ำซึ่งมีขนาก 1 ลิตร 2ลิตร 3 ลิตร ใช้สพายหลังมีหลอดดูด แทนที่จะเปิดดื่มเอา 
มีหลายแบบหลายสีหลายขนาด

โดยจะมีถุงน้ำบรรจุอยู่้ด้านในอีกที่มันค่อนข้างสะดวกกว่ากระติกน้ำมากๆๆ

ที่มาhttpwww.thaimtb.comforumviewtopic.phpf=170&t=305617&view=previous
   
หรือถ้าใครใจถึงก็ใช้แบบนี้ก็ได้น่ะ 



 สายเก่ง สายโยงบ่า +เข็มขัดสนาม เป็นอุปกรณ์ที่เรารู้จักกันดีแต่บางคนใช้แบบไม่ค่อยรู้จักมันเท่าไรแต่มันก็เทห์น่ะ.มาดูสายเก่งที่มีใช้ๆกันอยู่มี2แบบหลักๆ ก็แบบสายด้ายถัก รด.ดกับแบบUS 


สายโยงบ่านี้ใช้เื่พื่อช่วนในการพกพาอุปกรณ์อย่างกระติกน้ำหรือกระเป๋าใส่ซองกระสุน
ที่มา httpwww.suanboard.netview.phpp=view&kid=34862&in=1
 สังเกตุจากรูปได้ว่า มีการปรับให้ระดับเข็มขัดอยู่เดียวเดียวกันที่เองเท่ากันหมดที่จริงคืออยู่ในระยะที่มือ เอื้มถึง นั้นเอง 
สายโยงบ่า ร.ด.
สายโย่งบ่า US.


                     การใช้สายโยงบ่านั้นที่ใช้กันเพื่อรับน้ำหนักอุปกรณ์อย่างกระติกน้ำซองกระสุนกระเป๋าอื่นๆอะไรก็ได้ที่จะน้ำมาติดกับสายเก่งนี้ ที่ถูกต้องคือเข็มขัดสนามจะไม่รัดมากแค่พอดีเพราะสายโยงบ่ารับน้ำหนักไว้แล้วนั้นเองบางครั้งถ้าไม่มีอะเลยอยู่ที่เข็มขัดบางที่มันอาจจะชี้เด้เลยคอขึ้นมา(5555+คงนึดออกน่ะ)นั้นเพระาสายโยงบ่ามันยังแข็งอยู่ยังไม่นุ่ม (แต่ถ้าได้มาแรกแล้วเอากระติดน้ำ2ใบใส่ให้ครบไม่ชี้หรอก)อาจจะหาอะไรถ่วงให้มันนุ่ม การใส่ที่ถูกต้องคือปรับสายให้เข็มขัดอยู่รับเองเท่าๆกันทุกด้าน ในบางรายที่ไม่อะไรมากมายมีแค่เข็มขัดกับกระติกน้ำก็โอเคถ้าไม่คิดว่ามันหนักที่เอว 
                เข็มขัดสนามเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ ที่ใช้ร่วมกับสายโยงบ่า ที่เราๆเห็นกันก็มีหัวหลายแบบแต่ทุกวันนี้ที่ใช้งานง่ายที่สุดคือ 

ที่มา www.gun.in.thboardindex.phptopic=46066.0
ยังมีแบบนี้อีกแบบหัวล๊อกเหล็ก แต่แบบนี้เราต้องปรับให้สายพอดี(เกือบรัด)เอวหรือสะโพกที่สุดเพราะถ้าวหัวเข็มขัดย้อนเข้าหากันมันจะหลุดได้ ถ้ามีสายโยงบ่าก้ดีไป ถ้าไม่มีเวลาวิ่งอาจจะได้ย้อนกลับมาเก็บ 

ที่มา www.be2hand.comscriptsshop.phpuser=youngcamping&do=list&cat_id=33488


ถ้าไม่คิออะไรมาว่าจะต้องใช้อุปกรณ์แบบทางทหาร มากมายก็อาจจะใช้แบบนี้ก็ได้แต่ข้อเสียคือไม่มีรูไว้ยึกสายโย่งบ่า 

เป็บแบบที่ตำรวจนิยมใช้กัน
ที่มาhttpboard.trekkingthai.comboardshow.phpforum_id=8&topic_no=253878&topic_id=257378&page=1
มีทริกอย่างหนึ่งถ้าเมื่อเราปรับสายโยงบ่าให้เข้าที่แล้วกลัวหลุดให้เอาเทปพันสายไฟ รักตรงที่สายปรับที่เหลือ(คือปลายๆอะ) ให้แน่นแค่นี้มันก็จะอยู่ที่เดิม 

   ผ้าพันคอ เป็นไอเท็ม อย่างหนึ่งที่ บางคิดว่าไม่จำเป็นแต่ถ้าไปฝึกที่เขาชนไก่ที่ฤดูแล้ง มีฝุ่นที่ละเอียดมากมาก เพื่อสุขภาพปอดของท่าน จักหามาเถอะครับ หาซื้อได้ทั้งที่สนามฝึกและนสร.แต่ถ้าหาซื้อไม่ได้ก็ผ้าปิดจมูกธรรมดาก็ได้ (แต่มันไม่เท่) จะเป็นทรงสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยมก็ได้แต่ต้องสามารถผูกปิดจมูกได้(นึกถึงโจรปล้นธนาคาร) 

ผ้าพันคอแบบสามเหลี่ยม
ที่มาhttp://www.topvictorystar.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=75474&Ntype=4

       หรือตอนนี่ที่ผมว่าใช้งานได้ดีมากๆเลยคอผ้าซีมัก 


หล่อซ่ะ 
ที่มาhttp://theonebbgun.weloveshopping.com/store/product


ไม่ว่าจะเป็นผ้าอะไรถ้ามันเอามากันฝุ่นหรือใช้ประโชนย์อย่างอื่นได้หลายอย่าง เช่นการปฐมพยาบาล ก็น่าจัดหามาทั้งสิ้น

                  ไอ้โม่ง และ ถุงมือ บางคนนึกไม่ถึงแต่ถ้าอากาศหนาวมากๆในยามเช้าและเข้าเวรตอนกลางดึก มันก็จำเป็นมากๆ ถุงมือไม่จำกัดแบบแต่เอาหุ้มนิ้วได้ครบทนความเย็นได้ก็โอเคแล้ว  ก็นึกเอาละกันว่าปืน ปลย.88ที่ตากความเย็นทั้งคืนจะเย็นขนาดไหน ส่วนไอ้โมงเอาแบบไหนมาก็ได้เพราะถ้าเ้ขาเวรกลางดึก เล่นเองจมูก กํบหูชากันเลยที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบ เมเสจเจอร์ หรือ ตัดอ้อยก็ใช้ได้หมด
               ถุงมือนั้นมีตั้งแต่แบบ ตัดอ้อย แบบจราจร หรือถ้ามีตังค์หน่อยก็ถุงมีขับมอเตอร์ไซด์
ถ้าคนเล่น บีบีกันส์จะมีถุงมือที่ใช้เล่น กัน เอาด้วยก็ได้
         


           
  ในภาพไม่ได้ชี้นำเพียงแค่ มันเท่ดีน่ะ 55+

























         มาถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกเมื่ออุหกรณืพร้อมแล้วมาดู ทริกการใช้ชีวิตในค่ายดีกว่า .


การอาบน้ำ
               เป็นเรื่องปกติมากๆสำหรับทุกวันในเมื่อการฝึกเส็จสิ้น เราก็ต้องทำการอาบน้ำกัน มันคงจะเป้นเรื่องน่าลำคายไม่น้อยถ้า คนเยอะ ..... เรื่องแบบนี้ต้องไวครับ เพราะเวลาของท่านมีค่ามากกมาย  งันมาดูเลย
ก่อนนอนเลิกฝึกประจำวัน
   1.ก่อนที่จะออกไปฝึกอุปกรณืในการอาบน้ำควรเตรียมให้อยู่ประตูเต็น แบบหยิบง่ายๆ 
   2.ให้อยู่รวมกันเป็นชุด เช่นเอาไว้ในขัน หรือไม่มีขันก็เอาไว้ในถุง
   3.เมื่อกำลังรวมแถวอยู่ตอนที่กำลังฟังคำชี้แจงก่อนไปอาบน้ำ หูฟังไปแต่ตอนนั้นก็ถอดสายรองเท้าออกส่ะ จากแถวบนสัก เกินครึ่งมานิดหน่อย แล้วรวบสายพันและมัดไว้ที่ข้อเท้าเพื่อให้สะดวกในการเดิน (ในกรณีของผู้ใช้รองเท้าแบบมีซิบไม่ต้อง)
   4.เมื่อเลิกรวมแถวที่ครูฝึกให้ไปอาบน้ำ ท่านอย่ามัว ลีลา คุยโน่นคุยนี้ เพราะอาบเส็จมีเวลาคุยกันอีกเยอะ  ไม่ต้องวิ่ง เดี๊ยวล้มหน้ากระแทกปืนตัวเอง 
  5.เมื่อมาถึงเต็น วางปืนไว้ในเต็นให้เรียบร้อย ถอดรองเท้าส่ะ(ไว้อยู่แล้วไม่ต่องแก้สายให้นาน) อุปกรณ์ต่างที่ตังท่านเหลือไว้แค่ กางเกง เสื้อซับใน รองเท้าแตะ อุปกรณ์อาบน้ำ(สบู่ แปรงสีฟันที่แต้มยาสีฟันแล้ว ผ้าเช็ดตัว ) 
 6.ของที่จะเปลี่ยนเช่น กกน.หรือ เสื้อซัพใน กลับมาเปลี่ยนที่เต็นได้ เอาของเฉพาะที่จำเป็นไป เพราะความคล่อตัว 
  7.เมือ่ไปถึงที่อาบน้ำ อยู่ใกล้ๆทางออกดีที่สุด เพื่อเวลาออกจะได้ไม่โดนน้ำที่เพื่อนๆอาบกันอยู่  และผ้าต่างๆจะได้ไม่เปียก 
 8.เมื่อกลับมาอย่ารอช้า เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย ใครจะเข้าเวรพลัดแรกใส่ชุดรอไปเลย 
 9.ใช้เวลา พักก่อนรวมแถวสวดมนต์  ให้คุ้มค่าที่สุด

ตอนเช้าก่อนฝึก
  มันคล้ายๆกันกันกับก่อนนอนเพียงแต่ว่า ถ้าอากาศเย็นๆล้างหน้าก็พอแล้วละ .ไม่ต้องอาบหรอกเสียเวลา ..


ก่อนตื่นนอน
        มันเป็นอะไรยุ่งยากวุ่นวายมากถ้าตื่นนอนพร้อม เสียงนกหวีด เพราะเวลามันจะท่านสุดจะเบื่อมากๆ(ตี5กว่าๆ)คิดเอาละกัน ผมมีวิธีง่ายๆคือ ตื่นก่อนใส่ทุกอย่างให้เรียบร้อย เช่น เสื้อฝึก รองเท้า เตรียมทุกอย่างก่อนนกหวีดตื่นนอน เท่านี้ท่านก็จะ มีเวลาอีกเยอะ


ตอนเข้าเวร 
     วิธีไม่ให้หลับเวรที่ดีที่สุดคือกินๆๆ และกิน 555+ และบางครั้งอาจจะได้ เจ๊คพ๊อท เพราะบางครั้งครูฝึกใจดีก้อาจจะเอาขนมนมเนย ต่างๆมาให้ดดยไม่ทันตั้งตัว หรืออาจจะเป้นอาหารจากมื้อเย็น เช่นผลไม้หรือของหวาน  เป็นต้น
      ถ้าใครเอากล้วที่มีเฟล็ตไปด้วยเป็นช่วงที่ดีมาในการถ่ายรูป กลางคืนแนวไปอีกแบบนี้ จะแอีคท่าไหนยังไง ไม่ต้องแคร์สายตาใคร ใครเข้าเวรใกล้แสงสว่างก็ดีหน่อยมีที่ให้อ่านหนัง(ถ้ามี)

การทำอาหาร(สถานีการดำรงชีพในป่า)
     เอามาถึงสถานี้นี้คงมีปัญหาไม่น้อยแต่เชื่อไหมว่า เป็นสถานีที่วัดความเป็นผู้นำได้ดีที่สุด  แนะนำอย่างหนึ่งว่า  ควรแบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจนใครพอมีหัวทำอาหารบ้างก็ไป สับหั่น ซอยเตรียม คนที่ทำอาหารไม่ค่อยเป็นควรไปมือเพลิงก่อไฟ เพราะควรทำให้อาหารสุขไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสุดท้ายถ้าไม่มีฟืนเตรียมไว้ก็ต้องมีคนเก็บฟืน อะมาดู


  1.ข้าวในหม้อจะมีขีดบอกระดับข้าวกับน้ำใส่ตามนั้น เวลาข้าวสุกเอาไม้เคาะจะมีเสียงกลวงๆปุ๊กๆ




  เป็นสิ่งแรกที่ต้องลงไปที่กองไป กองไฟยิ่งใหญ่ยิ่งดีเพื่อให้สามารถทำอาหาร หลายๆอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

2..กับข้าว ส่วนใหญ่จะมีไก่(ทำมาแล้ว) เครื่องต้มยำ (ควรแบ่งใส่ปลากระป๋องบ้าง) ไม่ต้องอะไรมา มีดสนาม(เอาอะไรก็ได้ไปที่มันเป็นมีดและมีฟักมีด(ปี4-5) หั่นให้ทุกอย่างมันพอดีๆ พริกไม่ต้องหั่นเสียเวลา ทุบเลย  แล้วตามนี้
 ต้มยำไก่
  -หั่นไก่พอดีคำ(หั่นเล้กจะได้แบ่งกันได้เยอะๆ)
  -ต้มน้ำพร้อม ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก ที่หั่นแล้ว
  -ปล่อยน้ำเดือดสักพัก แล้วเอาเนื้อไก่ใส่ลงไป
  -ดูจนไก่สุขแล้วเอาลงจากไฟ
  -จากนั้น บีบมะนาว แล้วฝใส่ หอมกับผักชีเป็นอันจบ

ยำปลากระป๋อง
 ใครที่เอาปลากระป๋องไปต้มขอบอกเลยว่าเสียเวลาเปล่าๆเพราะมันทำงานกว่าไอ้2อย่างแรกมากๆ
 -หั่น ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกที่ทุบแล้ว  หั่นมะนาว(อันนี้มีน้อยบริหารดีๆ) ผักชี ต้นหอม
 -เปิดปลากระป๋องมีกี่กระป๋องเทรวมกันไป
 -นำ ตะไคร้ ใบมะกรูด และพริก ลงไปคลุกเคล้า
 -เมื่อได้ที่บีบมะนาวลงไป แล้วคลุกอีกที
 -แล้วโรยผักชีและต้นหอม
*ปลากระป๋องคนให้หลามันและไปเลยอย่าให้เหลือเป็นตัวๆและจะแบ่งกันกินง่ายขึ้น

หลักมันจะมีสองอย่างนี้แแหละ
ผมจัดหน้าที่กันแบบนนี้ หมู่ปลย.11 คน
 -พลหั่น 1 นาย  หั่นทุกอย่างที่ขว้างหน้า ต้องแรกดีพอสมควร
 -พลต้มยำ 2 นาย ทำกับข้าวชนิดต้มยำ ต้องทำกับข้าวเป็นบ้าง (เป็นดอกไม้เหล็ก(สาวประเภท2) จะดีมาก)
 -พลฟืน 2 นาย  หน้าที่หลักหาฟืนเติมกอกงไปให้แรงตลอดเวลา จำไว้เลยว่าอาหารของท่านจะได้กินช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับความแรงของไฟ มากไป ก็ทำอะไรยากน้อยไปก็ช้าอีก
 -พลไฟ 1  นาย ทำงานร่วมกับ พลฟืน และต้องมีหน้าที่ในการดูและข้าวให้สุกด้วย
 -ผลเตรียม 1นาย เตรียมพื้นที่ในหารับปานอาหารแต่สามารถช่วยงานพลไฟได้
 -พลปลากระป๋อง 1นาย ทำปลากระป๋องและเตรียมข้าวที่กำลังจะหุงให้พลไฟ
 -พลคลัง1นาย ดูและจัดการเฝ้าจ่ายแจกอาหาร และผลไม้
 -พลน้ำ 1 นายหน้าที่ก็บอก มีหน้าที่บริหารจัดหารน้ำในการทำอาหารให้เพียงพอ

ทั้งหมดนี้ถ้าสามารถแบ่งกันได้อย่างพอดี มันจะลดความวุ่นวายได้มากและ ไม่มีแบบว่า "1คนทำ10คนดู"
แต่จำไว้ว่า ไฟต้องแรง ไม่งั้นอาหารสุขช้า  
  


 เอาละครับขอจบตอนภาดสนามเอาไว้ก่อนถ้คิดอะไรได้อีกจะกลับมาต่อครับ 



วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด.ภาค2

รด.ภาค 2 

    ภาคนี้ว่ากันด้วยไอเท็มของ นศท.กันหน่อย เอาละผมว่าสำหรับโรงเรียนที่มี นศท.เยอะคงไม่เป็นปัญหาเท่าไรเพราะ อ.ผู้กำกับท่านคงรับเป็นธุระให้แต่บางครั้ง สำหรับโรงเรียนที่ นศท.ไม่ค่อยป๊อบ เท่าไร คงเป็นปัญหาในด้านการจัดหาไม่น้อย หรือแม้กระทั้งไม่ พึงพอใจกับของที่ได้รับการจัดหามา ให้ เพราะประสบณ์การส่วนตัว เช่นรองเท้าพื้นและตัวรองเท้าลาจากกันขณะฝึกภาคสนาม หรือ เป้ากางเกงไม่สามรถรับแรงดึงได้(เป็นที่มาของเป้าแตก) อะไรประมาณนี้ ถ้าบางคนมีคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ทำงาน เป็น ทหาร-ตำรวจ(ตชด.)ก็อาจจะสบายตัวไป แต่ถ้าที่บ้าน ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกันเลย ผมว่า ลำบากแล้วละ เพราะมีคำๆนึงที่ นย.มักจะพูกันคือ "อย่าไว้ใจยุทโธปกรณ์ ที่กองทัพจัดหาให้มากนัก เพราะมันจากผู้ที่ประมูลได้ราคาต่ำที่สุด" คือ ของบางอย่างอายุการใช้งานต่ำมากๆ และบางที่ก็เป็นภาระมากกว่าแบ่งเบาภาระ การจัดหาของค่อนข้างมีราคามาใช้งาน 


         ผมว่าคุ้มน่ะ   ถ้าใครเคยเข้าค่ายปี 3 แล้วยุทโธปกรณ์ของเราดันเดี้ยงในวันแรกๆจะเซ็งมาก เหนื่อยก็เหนื่อย กระติกน้ำแหม่งก็ซึมเปียกเอวกรูหมดละ เข็มขัดเวรนี้ก็ชอบหลุดอีก กางเกงมานเป็นห้าอะไรเข่าขาดอีกละมี2ตัวมันจะพอไหมว่ะ  รองเท้าเชี๊*ไรพื้นเปิดมาอ้าปากอีก สายกงสายเก่ง แหม่* น่าลำคาญ ชิบหาย หมวกบ้าอะไรว่ะรัดหัวกูจนปวดกระบาลหมดละ  กระดุมเสื้อก็หายชั่วโมงละเม็ดพรุ่งนี้กรูจะเป็นเอลวิสอยู่ละ  เหลืออีก 5วัน นี่กรูไม่ต้องใส่ผ้าเตี้ยวฝึกเหรอว่ะ กรูจะบ้าาาาาาาาาาาาา....(อย่าห่วงๆใกล้แถวนั้นจะมีร้านขายอุปกรณ์อยู่ใกล้ๆแต่รับเงินสดเท่านั้น) 


 เอาละถ้าฝึกอยู่ที่ ศูนย์เรื่องพวกนี้ไม่ลำบากเท่าไรหรอกแต่มันน่าลำคาญมากๆ เอาละมาดูทีละไอเท็ม ดีกว่า
มาดูที่ละชิ้น

 หมวก 
                 ตามแบบ มีแบบเดียว(ยกเว้นปี4-5)คือหมวกเบเร่สีเขียว แบบนี้ 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่กลางหมวกนั้นแหละ)
หวกนั้นทำด้วยผ้าสักหลาด สีเขี่ยวอ่อน นุ่มและโปรง เนื้อผ้าด้านในจะมีหรือไม่มีแล้วแต่ผู้ผลิต แต่ส่วนใหญ่เป็นสีดำ หลายคนอาจจะไปซื้อมาเอง และบางคริ้งเนื้อผ้าก็ไม่ใช่ตามรูป เป็นเนื้อผ้าแบบแบบแข็งๆ(หมวกแบเร่สีแดงของลูกเสือ) ผ้าแบบนั้นผมเองเคยใช้ตอน ปี1 ร้อนมากๆ เหงื่อแทบไม่ระบายเลย แต่ทรงสวยแต่สีหมวกจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ(ถ้ายิ่งในกทม.)  ก็แบบผ้าสีเขียวอ่อนนุ่มๆนี้แหละ สบายหัวละ


เข็มขัดและหัวเข็มขัด 

           ส่วนหัวทำด้วยโลหะทองเหลืองส่วนสายทำด้วยเชือกถัก  เอาเป็นว่าถ้าท่านชอบแบบไหนก็ไม่สำคัญเท่าการทำงานของมัน มักจะแบบแบบกล่องไม้ขีดที่มีเขี้ยวและลูกกลิ้งล๊อค (เอาน่ะมันเหมือน) ส่วนใหญ่แบบนี้จะเป็นแบบขัด(คือจะต้องใช้สารขัดผิวโลหะเพื่อให้เงางามเมื่อใช้งาน) แบบชุบ(อันนี้ไม่ต้องขัด)เคลือบไม่มีเว้นแต่ไปชุบเคลือบกันเอง  เวลาไปซื้อผมแนะนำให้ลองดึงดูเลย(เทสกันกน้าร้านเลย) คือเอามาสอดประกอบกันเหมือนกับที่เราใส่ที่เอวแล้วดึงใช้แรงดึกให้มันหลุดออกจากกัน ถ้าแรงเรา(คือมีแรงอะ)ดึงไม่หลุดออกจากกันก็หายห่วง 

(เครดิตภาพก็พิมพ์อยู่ในรูปนั้นแหละ)


หัวเข็มขัดในรู้นี้คือแบบแพงน่ะครับ โดยเป็นแบบที่เรียกว่าเกี่ยว2ข้าง ไม่ต้องห่วงเรื่องเกี่ยวไม่อยู่ แบบนี้นิยมในชั้นปีที่4-5 จะมีทั้งแบบขัดและชุบ 

 สายเข็มขัดถ้าเป็นไปได้ซื้อเผื่อยาวๆหน่อยเพราะถ้าดันเป็นคนพอดีวื้อมาแล้วมาตัดกะว่าไอ้ส่วนปลายที่หุ้มทองเหลืองมันพอดีขอบเป๊ะ อย่า น่ะครับ เพราะเวลาใช้งานเราปรับด้านในส่วนที่เป็นเขี้ยวไม่ใช่ลูกกลิ้ง น่ะ  แถมส่วนใหญ่มักจะลืมขัดให้ส่วนปลายนี้ด้วย ขอแนะนำเลยครับขัดด้วย..

 รองเท้า 
 เรามักจะมองมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่มันสำคัยทันที่เมื่อ

  - พังตอนฝึก
  -โดนทำโทษเพราะไม่เงา
  -ร้อนอับเวลาอากาศอบอ้าว 
  -หนักเป็นตันเมื่อขาเริ่มหมดแรง
  -เป็นบ่อปลาเมื่อเปียกน้ำ
  -เคลื่อนที่ลำบากเมื่อต้องวิ่ง...

เอาละผมจะมาแนะนำทีละคู่ๆละกัน  

.คอมแบ็ต 

    เป็นที่นิยมมาก เป็นหนังทั้งหมด อันนี้ผมแนะนำว่าเพื่อความสะดวกของท่านซือแบบมีซิบเลย และเพื่อกันโง่ เวลาใส่ปรับสายรองเท้าครั้งแรกพอให้พอดีกับเท้าและข้อเท้าเรา แล้วถอด+ใส่ไม่ต้องไปยุ่งกะสายรองเท้าละ รูดซิบเอา ไม่ต้องรื้อสายรองเท้าทุกครั้ง และหนัง หรือผิวของรองเท้านั้น ควรเรียบมัน(แหมไม่ได้ขัด ) และลื่น เพราะสมัยนี้ดันมีผลิตนำหนังห่วยๆมาทำรองเท้า(ไอ้ที่ผิวไม่เรียบเป็นขุยง่ายนั้นไง)เพราะผิวหนังรองเท่ามันจะไปไวมาก(จนน่าตกใจ) ต่อมาคือพื้นรองเท้า แนะนำเลยไม่สนน่ะว่าลายแบบไหน เอาแบบที่เย็บมาแล้วชังร์ที่สุด เพราะคอมแบ็ต นั้นส่วนใหญ่ที่ผมเห็นพื้นและตัวมันจะแยกกันบ่อยมาก 
การดูแลต้องขักทั้งหมดส่วนหัวเงามากหน่อย  เอาไปผึ่งแดดไล่กลิ่นบ้างก้ดี รองเท้าแบบนี้ถ้าซื้อมาแรกๆจะรู้สึกว่ามันแข็งๆเข้าเท้าขยับลำบาก ครูฝึกจะแนะนำให้ขัดบ่อยๆ แต่ผมแนะนำให้ใส่บ่อยๆ(เท่าที่จะทำได้)เพื่อให้หนังมันนุ่มขึ้น 


        .จังเิกิ๊ล 
  เป็นรองเท้าทีผมรู้คือถือกำเนิดจากป่าเขตร้อนชื้นในสมัยสงครามเวียตนาม เป็นผ้าช่วงข้อเท้าและเป็นหนังช่วงล่าง

   


เคริดิตภาพจำไม่ได้ขออภัย

จังเกิ๊ลนั้นโดยส่วนตัวผมชอบมาก จังเกิ๊ลในรูปนั้นเป็นแบบที่ ทบ.แจกอยู่พักนัง(ไม่รู้ว่ายังแจกแบบนี้อยู่ไหม) ใช้ทนทานและคล่องตัวมาก  ด้วยความที่เป็นผ้าจึงมีความยืดหยุดสูงและดูแลง่าย ผมเองนั้นเคยใช้แบบในรูป ตอนไปฝึกภาคสนามนั้นเวลาเดินขึ้นเ้ขาชนไก่ไม่ลำบากเท่าไรเพราะทางขึ้นจะเป็นหินมากกว่าดินเรียบๆ  ถ้าเวลาเปียกน้ำรู้สึกอับชื้นน้อยกว่าคอมแบ็ต การเลือกซื้อ ถ้าหาได้หาแบบในรูปไม่ได้ส่งเสริมการขายน่ะ นั้นเพราะราคากับความคงทนมันคุ้ม งั้นมาดูกัน
  ผ้า่ นั้นเลือกที่แข็งเป็นทรงไม่ยับง่ายๆหรือเนื้อผ้าที่นิ่มเกินไปเพราะมันจะไม่กระชับเมื่อมัดสายรองเท้าแล้ว 
  หนัง  ก้เลือกไม่ต่างจากคอมแบ็ตเท่าไรนัก 
 พื้น ควรเลือบแบบดอกยางใหญ่ๆ ลายลึกเพราะแบบนี้พื้นมันแน่นมาก ต่างกับแบบที่พื้นที่เป็นลายเล็กๆ มันถ้าไม่เย็บหลุดแน่ๆ 

ส่วนนี้คือแบบผ้าสีเขียวปัจจุบัน ในระเบียบไม่ให้ใช้แล้วแต่ถ้าจะใช้ง่ายๆ เอากีวี ทาแล้วเอาแปลกถูๆซ้ำ ดำถูกระเบียบแน่นอน

แต่สำหรับผม จังเกิ๊ลนั้นเหมาะกับการฝึก แต่ คอมแบ็ตเหมาะกับการใส่เพื่อความเท่ห์ 

และยังมีรองเท้าแบบใหม่ๆอีก



 แบ้ตเทิลบู๊ต/Tactical Boot

Tactical Boot นั้นก็พัฒนามาจากรองเท้า 2อย่างข้างบนนั้นแหละ แต่พัฒนาทั้งรูปร่างและวัสดุ มีมากมายหลายยี่ห้อและราคา แต่ส่วนใหญ่แพงจ๊ะ  ของมาจากจีนก็800-1500 บาท ขึ้นไป

รองเท้าพวกนี้นั้น ผมใส่แล้วสบายเท้ามากมันนิ่มและระบายความอับชื้นได้ดีแถมใส่วิ่งแลัวเหมือนใส่ผ้าใบมากกว่าคอมแบ็ต แต่การใส่ไปเรียนนั้น ห็แนะนำว่าเอาที่คล้ายๆจังเกิ๊ลจะดี่ี่สุด(คือช่วงล่างมีหนังเยอะหน่อยอย่ามีลวดลายเยอะนัก2แบบแรกตามรูปอะ)  และมันมีหลายสี แต่ให้เป็นสีดำ 

อันนี้เท่ห์แต่สีนี้ผิดระเบียบน่ะจ๊ะ 
เครติดตามรูป


 มันคือ ห่วงข้อเท้าหรือซิ้ง  อันนี้มองไม่ค่อยเห็นแต่ใส่แล้วดูดี 
        
           มันเอาไว้ถ่วงขากางเกงเพื่อให้เวลาที่เรารัดท๊อป(คือการนำขากางเกงยัดเข้าไปในร้องเท้า)ขอบขากางเกงจะดิ่งตรงเป็นที่สวยงาม แต่ไปภาคสนามไม่ต้องเอาไปน่ะ โดยจะมี2แบบคือ
ซิ้งเหล็ก

ซิ้งผ้า
(เครติดภาพทั้งสองอยุ่ในภาพ)



มาดูทีละแบบ 
                 แบบเหล็กใช้งานง่ายไม่ต้องอะไรกับมันมาก แต่ถ้าไม่เอาอะไรพันทับไว้เวลาแดดร้อนท่านจะรู้สึกว่าใครเอาอะไรร้อนๆมาพันข้อเท้าท่านไว้  
                แบบผ้าใช้งานลำบากกว่า โดยการใส่นั้นบางครั้งต้องใส่ทางเป้ากางเกง!! อันนี้งงอะดิ เอาเป็นว่าไปเรียนแล้วจะรู้เอง อิอิ แบบนั้ใช้งานยากกว่าแต่ถ้าใส่เข้าไปแล้วจะเบ่งตัวออกตามความกว้างของขากางเกงดูดีทีเดียวละ  เมื่อโดนแดดนานๆจะไม่ร้อน 

        จะใช้แบบในตามความชอบใจละกัน 

เสื้อ และ กางเกง
                                                      

ตามระเบียบเลยครับหาซื้อง่ายมากไม่ต้องสั่งตัด มาแบบเสื้อพร้อมกางเกง สามารถไปลองได้ที่ร้าน(จัตตุจัก หลังกระทรวง ใน นสร.)แต่หากว่าซื้อมาแล้วทรงไม่ใช่ ก็เอาไปแก้ดีกว่า เนื้อผ้านั้นจะเป็นลายก้างปลาที่ออกแบบมานานแล้วโดยกองทัพ สหรัฐ ที่เมื่อมาเจอยุ่งในเขตร้อนจนต้องออกแบบลายและเนื้ือผ้าที่ยุงกัดไม่เข้า และเป็นตามระแบบของ นสร.ในปัจจุบัน คือถ้ามัรซีดมันจออกเขียวอยู่ดี แต่ถ้าเป็นผ้าอีกแบบ(แบบมหาดเล็ก)เวลาซีดจะออกสีฟ้านิดๆ  
    ตัวเสื้อนั้น มีแต่กระเป๋าส่วนบนบ่าไม่มีอินธนู และไม่มีประเป๋าส่วนล่าง
   กางเกง ไม่มีกระเป๋าข้าง มีแต่กระเป๋า ปกติ (ก็แบบปกติไง)

 แต่เมื่อไปฝึกภาคสนามลืมไอ้ระเบียบข้างไปส่ะ เอาแค่เป็นชุดฝึกสีเขียวและเป็นทรงชุดสนามเพราะ นี้มันภาคสนาม!!

 เสื้อยืดซับใน  
เป็นหนึ่งในอุปกรณืที่รู้จักกันดีเพราะวันหนึ่งจะเห็นไม่ตำ่กว่า1-3ครั้ง ไปในที่ต่างๆ  รูปทรงมันก็คือเสื้อยืดธรรมดานี้แหละ สีก็ คือสีเขียวขี้ม้า หรือเขียวทบ. ไม่ว่าโลโก้ อะไรอยู่บนนั้น ถ้ามันคือสีเขียวมันก็ใช้ได้ ส่วนเนื้อผ้า ผมชอบผ้าฝ้าย 100% หาค่อนค้างยาก เพราะส่วยใหญ่จะเป็ย ไนล๊อน สะมากกว่า ถ้าใส่ผ้าฝ้าย เวลาถอด ถอดเสื้อฝึกออกมันจะเย็นมากๆ  เพราะเสื้อมันดูดเหงื่อหมด ถ้าเป็นโพลีเอ็สเตอร์ หรือไนล๊อน มันก็ยังจึี๊งหนืดๆอยู่ 


                  ส่วนอุปกรณ์เสริม เช่น กระเป๋า นั้น มันก็อีกน่ะ ในนสร.ไม่ว่ากระเป๋าแบบไหนให้ถือเอาครับ ห้ามสะพายทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น สะพานเฉียง  สะพายหลัง  งด จะให้ดีเอาแบบกระเป๋าที่สายเฉียงแต่มีมีหูหิ้วจะดีกว่า แล้ว รด.ยังมีกระเป๋าถือแบบผมขอเรียกแบบกระเป๋าป๋า ละกันจะมีโลโก้ นสร.อยู่  หรือบางคนก็ถือตำราไป ก็มี

           จะยังก็แล้วแต่ครับ การแต่งกายนั้นมันเป็นสื่อแสดงความเป็นตัวเราได้้ดี เพราะคนที่ไม่รู้จักเรามักจะจากการแต่งกาย ของเรา เมื่อเลิกจะเรียน รด.แล้วถ้ายังไม่ถึงบ้าน ก็ใส่ทุกอย่างให้มันเรียบร้อยเถอะครับ การที่เราสามารถรักษาตัวเองให้อยู่ในเครื่องแบบอย่างมีระเบียบได้นั้น ไม่ว่าเราจะทำอะำไรเราก็เป็นคนที่มีวินัย ไปในตัว มันคือสิ่งที่เรียกว่า เกียรติ์และศักดิ์ศรี ที่ใครก็เอาของเราไปไม่ได้   

         แล้วจะมาต่อกันในภาค 3 น่ะครับ 


....เรื่องของ วิกีพีเดีย

เราทราบกันอยู่แล้วว่า วิกีเพียเดีย เป็น Encyclopedia ที่เราสามารถค้นหา หรือสืบค้นข้อมมูลต่างที่เราอยากรู้ หรือแหมกระทั้ง สามารถนำสิ่งที่เรารู้เขียนและบันทึกไว้ได้อีกด้วย 


 แล้ววันนี้ผมอยากบอกอะไร ??? คือนอกจาก วิกีพีเดีย ที่เราๆรู้จักกันแล้วยังมี Encyclopedia แนว วิกี อีก  !!เอาละมาดูกัน 


วิกีพีเดีย http://th.wikipedia.org 
มีเกือบทุกภาษาบนโลก  ให้เราได้อ่านแต่ วิกีของแต่ละภาษานั้นจะมีข้อแตกต่างอยู่บ้างตามแต่ข้อมูลของผู้ที่เขียนลงในภาษานั้นๆ เราสามารถติดตามการเพิ่มข้อมูลได้อีกด้วยเพราะสารานุกรมแบบนี้ไม่ต้องมาปรับปรุงแบบ5ปีครั้ง มันสามารถปรับปรุงได้ทุกนาที 




Gun wiki


สารานุกรมเกี่ยวกับปืนล้วนๆคงถูกใจคอปืนไม่น้อย อันนี้ผมเปิดเจอโดยบังเอิน โดยรวบรวมเอาไว้ครบมาก เมื่อก่อนผมมีหนังสือเกี่ยวกับปืน ถ้าเอาข้อมูลในนี้มาทำหนังสือคาดว่าหนังสือคงจะหนาประมาณเมตรได้ (55+)
ไร้สาระนุกรม 
จริงๆแล้วไม่ได้เลวร้ายตามชื่อหรอกน่ะครับ แต่ผมว่ามันทำให้เราเข้าใจโลกได้มาขึ้นทีเดียวเชียวละ ถึงแหมว่าจะชื่อไร้สาระนุกรมแต่บ้างเรื่องที่เข้าไปอ่านนั้นทำให้เราสามารถเข้าใจอะไรและทันความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของโลกได้เชียวละ ที่สะคัญยังเหมือน วิกีพีเดีย ตรงที่มีหลายภาษาอีกด้วย 







OLPC WIKI
เจ้าเครื่อง LOPC นี้มันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กเพื่อการเรียนรู้ น่าสนใจมากๆ ผู้ผลิตเลยสรา้งเวปไวด์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเครื่องนี้สะเลย


วิกีดอทคอม 
นี้คือเวปไซด์ที่รวบควมเวปนามสกุล วิกี เอาไว้เป็นเวิจเอ็นจิ้นอย่างหนึ่งเราสามารถหา วิกีอื่นๆได้อีกจากเวปไซด์นี้

ชื่อก็บอกเลยว่า เป็นวิกีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นคู่เมือการท่องเที่ยวฟรี ผมลองอ่านๆค้นๆดุก็เป็นคู่มือการท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง(เพราะการไปเที่ยวจริงเราต้องถือคู่มือไปด้วยน่ะสิยกเว้นจะมาแท็บดีๆสักเครื่อง) 



WikiLeaks เวปแห่งการเปิดโปง...ที่มีข่าวดังที่สุด

หลังจากที่ผู้เขียนเวปนำเอกสารหลายฉบับออกมาเปิดโปงให้ชาวบ้านได้รับ ก็เล่นเอารัฐบาลอเมริการ้อนแรงเลยที่เดียว แหมแต่ผมยังแปลกใจว่าเวปนี้ยังไม่โดนแบนอีกเหรอ 




แล้วยังมีผู้เขียนเวป เที่เป็น วิกีพีเดีย อีกมากมาย ซึ่งบางอย่างผมก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรไดบ้าง 










     เอาละครับ เกี่ยวกับ สาระตระกูลวิกี นี้Whatever เลยทีเดียว หาว่างๆไม่มีอะไรจะดูการดู หรือหาข้อมมูลใน Encyclopediaเหล่านี้ทำให้เราเพลิดเพลินและได้สาระมามายเลยทีเดียว  หรือแหมการทั้ง ดูได้ว่าวันเกิดของคุณตรงกับเหตุการณ์สำคัญอะไรบ้างในประวัติสาสตร์โลกเลยทีเดียว 
  
     เราสามารถค้นหาข้อมูลของสิ่งต่างๆรอบตัวได้จาการสังเกตุ แต่การเปิดโลกของเราให้กว้างออกไปอีกก็ด้วยสารานุกรมอิเล็คทรอนิค นี้แหละครับ ถ้าเรายิ่งรู่ภาษาต่างเรายังหาความรู้เพิ่มเติมได้อีกมากมาย  

 ขอบคุณที่รับชม..แล้วจะหาอะไรแบบ Whatever มาให้ชมกันอีก..




วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ร.ด.ภาค 1

               


 เอาละ ตอนนี้น้องๆมัธยมใกล้จะเปิดเทิอมกันแล้ว และกำลังจะได้เจอเพื่อนๆทั้งชอบและไม่ชอบหน้ามัน 55+สำหรับน้องที่ กำลังขึ้นศึกษาชั้นม.4 และ ปวช.ปี1หลายๆคนคงจะทราบมาพอสมควรแล้วว่า ถึงเวลาที่สามารถเรียน วิชาทหารได้แล้ว โดนเราเรียกว่า นักศึกษาวิชาทหารเรียกย่อๆว่า นศท. เรื่องการคัดกรองการทดสอบต่างร่างกายและจิตใจต่างๆช่างมันเถอะ เอาเป็ว่ามาสอบก็ผ่่านแล้ว(เพื่อนผมน้ำหนัก90กว่ายังเรียนได้เลย เอาน่ะใจรักสะอย่างอย่าไปเครียด) แต่ขอทำความเข้าใจก่อนแล้วกันว่าเรียนไปเพื่อ?และได้อะไร?
    โดยว่าไว้แบบนี้
                     นักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) คือ บุคคลซึ่งอยู่ในระหว่างเข้ารับการฝึกวิชาทหารตามหลักสูตรที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ. 2503 หรือ เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า รด. เป็นกำลังสำรองของกองทัพไทยภายใต้การควบคุมของ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน
เพิ่มเตอมที่ http://th.wikipedia.org/wiki/นักศึกษาวิชาทหาร

ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียน วิชาทหาร
1.หลายคนยังดักดานอยู่กับคำว่าเรียนร.ด.แล้วไม่ต้องเป็นทหาร.....ใช่ท่านไม่ต้องเป็นทหารแต่หมายถึงทหารเกนฑ์น่ะ แต่เมื่อท่านเรื่อนร.ด.ตั้งแต่ปีที่1.จนถึงปีที่3 นั้นคือท่านกำลังเรียนการเป็นทหาร เพื่อจะได้่รับราชการ 1วัน(ตั้ง1วันน่ะเว้ย)แล้วปลดประจำการตามกฏหมายที่ชายไทยทุกคนต้องได้รับการคัดเลือกเป็นทหาร คือถ้าคนไม่ได้เรียนร.ด.ต้องไป คัดเลือกตรวจร่างกาย จับใบดำใบแดง เมื่อ21ปีบริบูณร์ เท่ากับผ่านการเกณฑ์ทหาร ถ้าดวงดีท่านจะได้รับใช้ชาติตามระเบียบกองทัพ แต่ถ้าโชคร้ายท่านจะได้รับเกียรติ์แค่กองเกิน....

2.การเรียนร.ด.ถือว่าท่านคือผู้เสียสละ เวลาอันเป็นส่วนตัวของท่านเพื่อรับใช้ชาติ(ดูดีไหม) นั้นคือถ้าเป็นทหารเกณฑ์นั้นต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงดูและฝึก(ค่าปัจจัย4ค่ากระสุนและอื่นอีกมากมาย)เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ ได้ แต่การฝึก นศท.นั้นกองทัพจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แต่ถือว่าสามารถนำไปปฏิบัติหน้าที่ในยามสงครามเช่นเดียวกัน

3.เมื่อเรียนจบชั้นปีที่3แล้วท่านจะเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็น สิบเอก งงดิไรว่ะไหนให้กรู สิบเอกไง) นั้นคือท่านเรียนและปลดประจำการไปแล้ว จนกว่าท่านนำใบสุทธิการเรียนจบชั้นปีที่3และใบจบหลักสูตรชั้น มัธยมตอนปลายปีที่6และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ไปยื่นเพื่อขอแต่งตั้งยศสิบเอก โดยจะต้องนำ 

1.สำเนาสมุด สด.8
2.สำเนาทะเบียนบ้าน
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.สำเนาวุฒิการศึกษา มัธยมปลาย, ปวส, ปวช, อนุปริญญา หรือ ป.ตรี ตามวุฒิที่สำเร็จ ณ ปัจจุบัน
5.สำเนาคำสั่งแต่งตั้งยศ ครั้งสุดท้าย (คำสั่ง สิบเอก - คำสั่ง จ่าสิบเอก)
6.ใบเปลี่ยนชื่อ (หากได้ทำการเปลี่ยนชื่อให้นำใบนี้มาด้วย)
7.สำเนา ใบจบปี 3 หรือ ใบรับรองปี 3

    ทั้งหมด2ชุด 

ให้นำไปดำเนินการด้วยตัวเอง ที่ จังหวัดทหารบก ทีีได้ศึกษาและรับการฝึกมา  


แต่ขอบอกไว้ก่อนน่ะถ้าต่อไปคิดจะทำอะไรเกี่ยวกับการกู้เงินละก็ผ่านยากหน่อยน่ะ ..

4.และเมื่อท่านกระทำตามข้อข้างบนเส็จแล้วเมื่อไดัรับยศ สมใจแล้วจะต้องไปรายงานตัวณ มลฑลทหารบกที่ขึ้นตรงทันที สิ่งที่ตามมาคือหมายเรียกตรวจพล เพื่อฝึกความพร้อมมี4แบบ
 -การเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหารตามระบบ1:1:1:3 กำหนด 30 วัน
 -การเรียกผลเพื่อฝึกวิชาหทารตามระบบอาสาสมัคร
-การเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร กำหนด 30 วัน (มันน่ะครับ)
-การเรียกพลเพื่อตรวจสอบความพร้อม 1 วัน
ไปให้ตรงเวลา นัดและกันถ้าไปไม่ได้ต้องส่ง หนังสือชี้แจงล่วงหน้าน่ะครับ เมื่อเส็จสิ้นแล้วท่านจะได้รับบัตรประจำตัวทหารกองหนุนสีเขียวไว้เป็นที่ระลึก

  ในประเทศของเรานั้นกำลังสำรองยังไม่มีบทบาทมากเมื่อเทียบประเทศมีกำลังสำรองที่พร้อมรบแบบเดินช๊อปปิ้งอยู่ แล้วเมื่อเกิดสงครามจับปืนยิงได้เลย จะขอยกตัวอย่าง

 อิสราเอล เป็นประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่(โดยส่วนตัวม่ะค่อยชอบหรอก) โดยเกิดจากการตั้งอาณานิคมของชาวยิว เมื่อ สหภาพโซเวียต ล่มสลายไป และชาวยิวรวมตัวกันจะสามารถ ตั้งถิ่นฐานและเบียดผู้ตั้งรกรากเดิม อย่างชาวปาเลสไตย์ ออกไป จึงทำให้ประเทศนี้ ต้องค่อยระวังตัว แบบ วินาทีต่อวินาที หลังจากที่โดนเพื่อบ้านอย่าง ซีเรีย อียิปต์ เลบานอน และชาวอาหรับ (ทั้งหมดนั้นแหละ) แถบปัจจุบันนี้ยังมีบางประเทศไม่รับรอง อิสราเอล เป็นประเทศด้วยซ้ำ จึง ทำให้อิสราเอล ต้องใช้ประชาชนทุกคนเป็นกำลังทหารทั้งหมด นั้นเท่ากับว่า ไม่ว่า ชายหรือ หญิง ชาวยิวจะต้องเป็นทหาร และเมื่อปลดประจำการและ ....

ทาการอิสราเอล จะมอบอาวุธปืน(สงคราม)ให้แก่ผู้ที่ผ่านการเกฑณ์ ทหารแล้วกลับไปเพื่อพร้อมใช้งานทันที่เมื่อมีเหตุ.... จึเรียบแบบนี้ว่า กำลังสำรองพร้อมรบ 100 % 

        และยังมีประเทศที่เป็นกลางตลอดไม่ว่าสงครามไหนคือ สวิสเซอร์แลนด์ ที่ จะแจกปืน (อาวุธสงคราม)ให้แก่ผู้ที่ผ่านการเกฑณ์ทหารแล้ว กลับไปไว้ที่บ้านพร้อมกระสุน 1กล่องที่เขียนเอาไว้ว่า "ใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น"(มั้ง) 

      แล้วกำลังสำรอง ประเทศไทยละ ท่านมีโอกาศรับราชการได้เมื่อมีคุณวุึติ ต่างๆพร้อมโดยทาง นสร.จะมีการเปิดสอบอยู่แล้ว(ไม่รู้ไดดูเองที่ http://www.tdd.mi.th/)   

 บ้างคนเคยถามผมว่าเรียนไปถึงปี4-5แล้วได้อะไรนากจากว่าที่.... เป็นคำถามที่มักจะคุยกันบ่อยๆ บ้างครั้งก็มี บางคนบอกว่าจะไปสู้นักเรียนนายร้อยได้อย่างไรเรียนไปเอาเทห์ไปงั้นแหละ(อืมก็ก็น่านอ้ยใจน่ะ) แต่ผมไม่คิดแบบนั้นน่ะ ถ้าเปรียบเทียบกัน ระหว่างทหารประจำการกับ กองหนุนก็คือ

 ยามปิกติ
กำลังประจำการ
ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ถ้าไม่ได้ออกงานสนาม(ภาคใต้ หรือชายแดน)ก็ อยู่กองร้อยฝึกทหารใหม่ พัฒนาโนน่นี้นั้น ฝึกตามวงรอบ เสี่ยงค่าตอบแทนน้อย เสียสละเพื่อคนส่วนหลัง นี้คือทหาร มีค่าตอบแทน(พ่อผมให้เรียบแบบนั้นจริงๆ)เป็นเงินเดือน มีสวัสดิการณ์ รักษาฟรี ลูกเรียนฟรีจนอายุ24 ปี มีบำนาน มีค่าตอบแทนและค่าดูแลเลี้ยงดูครอบครัวเมื่อเสียชีวิต 
กำลังสำรอง
ทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานเอกชนบ้าง รัฐวิสาหกิจบ้าง ครู หมอ พยาลบาล(จริงๆน่ะ) ช่าง วิศวกร ก็อเกือบทุกอาชืพ บางสายอาชีพเสียสละมากๆ เช่นพยาบาลของรัฐ ครู(ในภาคใต้เสี่ยงและเป็นเป้ามากกว่าทหารอีก)  นี้คือคนธรรมดา ค่าครองชีพมีหลายแบบ ทั้งรายเดือน รายวัน รายสัปดาห์ เสียภาษี

ยามสงคราม
กำลังประจำการ
 นำกำลังประชิดพื้นที่สงครามทันที่เมื่อได้รับคำส่งและทำการรบโดยตรงกับข้าศึก บาดเจ็บ เสียชีวิต พิการ
และเมื่อเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ มีธงชาตฺคลุมเพื่อให้เกียรติ์ สวัสดิ์การถ้า พิการ บางคนยังสามารับราชการต่อได้ ถ้าอายุราชการได้ มีบำนานเลี้ยง
กำลังสำรอง
โดนเรียกพล ลางานตามกฎหมาย ในสภาวะสงคราม(เมื่อกองทัพเห็นว่ากำลังหลังไม่เพียงพอต่อการรบแบบแตกหัก) เข้าปฏิบัตรหน้าที่ตามกรม -กอง ที่สังกัด ทำการรบตามการหมอบหมายภาระกิจ ไม่เท่ากำลังหลักอาจเป็นการรักษาพื้นที่หรือสนับสนุนการรบ บาดเจ็บ ตาย สวัสดิ์การพอสมควร และธงชาติคลุม  ถ้าพิการยังก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเองให้ได้  งานเก่าอาาจจะไม่รับ ตำแหน่งงานอาจมีคนอื่นมาทำ คือเสียงานเก่าไป(ใช้อยู่ที่กฎหมายเขียนให้คลุมครองแต่ความเป็นจริงไม่มี บ. ไหนปล่อยตำแหน่งให้ว่างๆหรอก)

  จะเห็นว่าถ้าเมื่อสงครามจบ ชีวิต กำลังสำรอง เปลี่ยนจากเดิมมากกว่ากำลังหลักเสียอีก ในสงครามกระสุนข้าศึกไม่เลือก ว่าคนไหนเป็น กำลังหลักหรือกำลังสำรอง มีโอกาศ เจ็บตาย เหมือนๆกัน กำลังสำรองจับปืนเมื่อสงครามมา ถึง
   ผมอยากให้คนที่มักจะดูถูก ร.ด.ไม่ว่าชั้นปีไหนว่า"ทำไมไม่เป็นทหารจริงๆไปเลยว่ะ" หรือ"ไม่มีปัญญาสอบทหารได้" อยากให้คิดว่า ถ้าเป็นทหารกันหมด ไม่มีสายอาชีพอื่นเลยประเทศจะขับเคลื่อนอย่างไร เราเป็นทหารโดยที่กองทัพไม่ต้องเสียค่าเลี้ยงดูเราด้วยซ้ำ และเราจ่ายภาษีเพื่อบำรุงประเทศชาติ และเมื่อประเทศชาติต้องการให้เราไปรบ ผมเชื่อว่า พี่ๆน้องๆ หลายคนที่มีหรือไม่มีคำว่า " ว่าที่"นำหน้าที่เคยใช้คำนำหน้าชื่อว่า"นักศึกษาวิชาทหาร" คงพร้อมที่จะเสียสละอยู่แล้ว เพียงแต่โอกาศมันมาไม่ถึง  คนที่คอยดูถูกกำลังสำรองต่างๆนาๆ คุณคือคนที่ใจแคบมากๆ

 สวัสดีครับ 








อ้างอิง
http://board.nstcr.com/index.php?topic=179.0